
ในวันที่ท้องฟ้าครึ้มฝน ฉันคว้าเป้ใบโปรด รองเท้าคู่เขรอะ ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร สู่นครปฐม จังหวัดเล็กๆ ที่อยู่ใกล้บางกอกแค่เอื้อม จุดหมายแรกของวันอยู่ที่ ตลาดริมน้ำดอนหวาย หรือตลาดน้ำดอนหวาย ในความเข้าใจของหลายๆคน ทีแรกหวังไว้ว่าจะเป็นตลาดร่มรื่น มีสวนสวย ติดริมแม่น้ำ แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นตลาดริมน้ำ ที่ขายผัก ผลไม้ และอาหารนานาชนิด ถ้าเป็นแม่บ้านหรือนักกิน คงจับจ่ายจนเพลิดเพลินใจทีเดียว
เสน่ห์ของตลาดน้ำดอนหวาย นอกจากอาหารสะอาดสะอ้าน ของกินอร่อยถูกปากแล้ว ยังเป็นตลาดโบราณ ก่อสร้างด้วยอาคารไม้เก่าๆ ติดริมแม่น้ำท่าจีน น้ำใสสะอาด เห็นฝูงปลาแหวกว่ายกันสนุกสนาน เราเริ่มต้นเดินจากปากทางเข้า ตลอดสองข้างทางจะเห็นว่า มีร้านขายของจิปาถะทั่วไป อาทิ เครื่องจักรสาน ต้นไม้ ขนม ผักสด และผลไม้ ที่น่าสนใจคือ ผักสดจะแพ็คขายเป็นถุงๆ อย่างเรียบร้อย
เดินลึกเข้าไปภายในตลาดน้ำ ผู้คนเริ่มคึกคัก เดินเบียดเสียดกัน เพราะแถบนี้ขายขนม เช่น สาลี่ โมจิ ปุยฝ้าย ขนมตาลป้าไข่ ตะโก้ ขนมเบื้อง ลูกชุบ ทองม้วน ข้าวเหนียวแก้ว ขนมเปี๊ยะ บะจ่าง ช่อม่วง หรุ่มล่าเตียง ปั้นขลิบ และอื่นๆ ล้วนหน้าตาน่ารับประทานทั้งสิ้น ใกล้กันเป็นร้านอาหารคาว ที่ขึ้นชื่อเลยคือร้านเป็ดพะโล้นายหนับ ต้มเค็มปลาทู ห่อหมกปลาช่อน ทอดมันปลากราย และขนมจีนน้ำยากะทิ
ลองชิมเป็ดพะโล้นายหนับ ถึงรู้ว่าแรกยังไม่ทานกลิ่นหอมเย้ายวน พอได้ทานรสชาติกลมกล่อมอร่อยที่สุด เพราะเป็ดพะโล้นายหนับ เปิดเป็นเจ้าแรกที่ตลาดน้ำดอนหวายแห่งนี้ นานถึง 30 กว่าปี ไม่ทันอิ่มท้อง มาต่อด้วยขนมจีนน้ำยาร้านข้างๆ ซึ่งไม่ธรรมดา ทั้งเส้นขนมจีนและผักสดที่นำมากินแกล้ม ขนมจีนสะอาดหมดจด รสชาติไม่ต้องพูดถึง
ระหว่างเพลินลิ้นกับขนมจีนอยู่นั้น มองดูนาฬิกาถึงกับตาเหลือก ต้องรีบจ้ำเท้าไปยังท่าเรือ เตรียมลงเรือล่องแม่น้ำท่าจีน ไม่ลืมซื้อขนมติดไม้ติดมือไปด้วย พนักงานเดินมาเช็คตั๋ว ก่อนปล่อยเรือออกท่า ไหลเลียบแม่น้ำท่าจีนอย่างสบายอารมณ์ เราทอดสายตามองทิวทัศน์รอบข้าง ชมธรรมชาติสองฟากแม่น้ำ หูฟังไกด์บรรยายวิถีของผู้คนกับสายน้ำ
“บ้านนี้ปลูกส้มโอหวาน บ้านนั้นเป็นโรงสีมีข้าวสารขาว ส่วนบ้านถัดไปตรงโน่นลูกสาวงาม” ไกด์เล่นคำพลางชี้ไปบ้านแต่ละหลัง ก่อนบอกว่าจะพาไปดูบ้านพี่เบิร์ด เราคิดว่าบ้านพี่เบิร์ดธงไชย ที่ไหนได้บ้านพี่เบิร์ดจริงๆ แต่เป็นบ้านที่เค้าแสดงในละครคู่กรรมนั่นเอง เรือยังคงเคลื่อนต่อไป ผ่านโรงเหล้าเก่า บ้านไม้โบราณหลายหลัง วัดท่าพูด จวบจนมาสิ้นสุดที่วัดไร่ขิง ซึ่งมีวังปลาขนาดใหญ่ ทั้งปลาสวายและปลาเทโพกว่าแสนตัว พากันว่ายน้ำแย่งชิงขนมปังกันจ้าละหวั่น จากนั้นเรือเลี้ยวกลับเส้นทางเดิม คราวนี้เมฆหมอกหนาครึ้ม ฝนค่อยๆ โปรย พัดพาเอาความหนาวเย็นชื้นสัมผัสกาย ไม่นานฝนหยุด เรือก็ถึงท่าตลาดน้ำดอนหวายพอดี
ไหนๆ มาแถวนี้ทั้งที ไม่ลืมแวะวัดไร่ขิง กราบสักการะขอพรหลวงพ่อวัดไร่ขิง ก่อนนั่งแท็กซี่ไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ซึ่งอยู่บนถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า – นครชัยศรี) อำเภอนครชัยศรี ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีถึง ภายนอกพิพิธภัณฑ์กว้างขวาง และร่มรื่น เมื่อซื้อตั๋วและเดินเข้าภายใน รู้สึกได้ถึงความลึกลับและน่าขนลุก ไม่ใช่น่ากลัว แต่น่าตกใจ เพราะหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสแต่ละรูปเหมือนคนจริงๆ ทั้งหน้าตา รูปร่าง เส้นผม สายตา และท่าทาง ล้วนสื่ออารมณ์และความรู้สึกของคนนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
เสน่ห์ของตลาดน้ำดอนหวาย นอกจากอาหารสะอาดสะอ้าน ของกินอร่อยถูกปากแล้ว ยังเป็นตลาดโบราณ ก่อสร้างด้วยอาคารไม้เก่าๆ ติดริมแม่น้ำท่าจีน น้ำใสสะอาด เห็นฝูงปลาแหวกว่ายกันสนุกสนาน เราเริ่มต้นเดินจากปากทางเข้า ตลอดสองข้างทางจะเห็นว่า มีร้านขายของจิปาถะทั่วไป อาทิ เครื่องจักรสาน ต้นไม้ ขนม ผักสด และผลไม้ ที่น่าสนใจคือ ผักสดจะแพ็คขายเป็นถุงๆ อย่างเรียบร้อย
เดินลึกเข้าไปภายในตลาดน้ำ ผู้คนเริ่มคึกคัก เดินเบียดเสียดกัน เพราะแถบนี้ขายขนม เช่น สาลี่ โมจิ ปุยฝ้าย ขนมตาลป้าไข่ ตะโก้ ขนมเบื้อง ลูกชุบ ทองม้วน ข้าวเหนียวแก้ว ขนมเปี๊ยะ บะจ่าง ช่อม่วง หรุ่มล่าเตียง ปั้นขลิบ และอื่นๆ ล้วนหน้าตาน่ารับประทานทั้งสิ้น ใกล้กันเป็นร้านอาหารคาว ที่ขึ้นชื่อเลยคือร้านเป็ดพะโล้นายหนับ ต้มเค็มปลาทู ห่อหมกปลาช่อน ทอดมันปลากราย และขนมจีนน้ำยากะทิ
ลองชิมเป็ดพะโล้นายหนับ ถึงรู้ว่าแรกยังไม่ทานกลิ่นหอมเย้ายวน พอได้ทานรสชาติกลมกล่อมอร่อยที่สุด เพราะเป็ดพะโล้นายหนับ เปิดเป็นเจ้าแรกที่ตลาดน้ำดอนหวายแห่งนี้ นานถึง 30 กว่าปี ไม่ทันอิ่มท้อง มาต่อด้วยขนมจีนน้ำยาร้านข้างๆ ซึ่งไม่ธรรมดา ทั้งเส้นขนมจีนและผักสดที่นำมากินแกล้ม ขนมจีนสะอาดหมดจด รสชาติไม่ต้องพูดถึง
ระหว่างเพลินลิ้นกับขนมจีนอยู่นั้น มองดูนาฬิกาถึงกับตาเหลือก ต้องรีบจ้ำเท้าไปยังท่าเรือ เตรียมลงเรือล่องแม่น้ำท่าจีน ไม่ลืมซื้อขนมติดไม้ติดมือไปด้วย พนักงานเดินมาเช็คตั๋ว ก่อนปล่อยเรือออกท่า ไหลเลียบแม่น้ำท่าจีนอย่างสบายอารมณ์ เราทอดสายตามองทิวทัศน์รอบข้าง ชมธรรมชาติสองฟากแม่น้ำ หูฟังไกด์บรรยายวิถีของผู้คนกับสายน้ำ
“บ้านนี้ปลูกส้มโอหวาน บ้านนั้นเป็นโรงสีมีข้าวสารขาว ส่วนบ้านถัดไปตรงโน่นลูกสาวงาม” ไกด์เล่นคำพลางชี้ไปบ้านแต่ละหลัง ก่อนบอกว่าจะพาไปดูบ้านพี่เบิร์ด เราคิดว่าบ้านพี่เบิร์ดธงไชย ที่ไหนได้บ้านพี่เบิร์ดจริงๆ แต่เป็นบ้านที่เค้าแสดงในละครคู่กรรมนั่นเอง เรือยังคงเคลื่อนต่อไป ผ่านโรงเหล้าเก่า บ้านไม้โบราณหลายหลัง วัดท่าพูด จวบจนมาสิ้นสุดที่วัดไร่ขิง ซึ่งมีวังปลาขนาดใหญ่ ทั้งปลาสวายและปลาเทโพกว่าแสนตัว พากันว่ายน้ำแย่งชิงขนมปังกันจ้าละหวั่น จากนั้นเรือเลี้ยวกลับเส้นทางเดิม คราวนี้เมฆหมอกหนาครึ้ม ฝนค่อยๆ โปรย พัดพาเอาความหนาวเย็นชื้นสัมผัสกาย ไม่นานฝนหยุด เรือก็ถึงท่าตลาดน้ำดอนหวายพอดี
ไหนๆ มาแถวนี้ทั้งที ไม่ลืมแวะวัดไร่ขิง กราบสักการะขอพรหลวงพ่อวัดไร่ขิง ก่อนนั่งแท็กซี่ไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ซึ่งอยู่บนถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า – นครชัยศรี) อำเภอนครชัยศรี ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีถึง ภายนอกพิพิธภัณฑ์กว้างขวาง และร่มรื่น เมื่อซื้อตั๋วและเดินเข้าภายใน รู้สึกได้ถึงความลึกลับและน่าขนลุก ไม่ใช่น่ากลัว แต่น่าตกใจ เพราะหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสแต่ละรูปเหมือนคนจริงๆ ทั้งหน้าตา รูปร่าง เส้นผม สายตา และท่าทาง ล้วนสื่ออารมณ์และความรู้สึกของคนนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
เครดิต:http://www.moopeak.com/voyager/to-travel.php?article_id=99
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น