วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เที่ยวตลาดน้ำดอนหวาย*0*

ในวันที่ท้องฟ้าครึ้มฝน ฉันคว้าเป้ใบโปรด รองเท้าคู่เขรอะ ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร สู่นครปฐม จังหวัดเล็กๆ ที่อยู่ใกล้บางกอกแค่เอื้อม จุดหมายแรกของวันอยู่ที่ ตลาดริมน้ำดอนหวาย หรือตลาดน้ำดอนหวาย ในความเข้าใจของหลายๆคน ทีแรกหวังไว้ว่าจะเป็นตลาดร่มรื่น มีสวนสวย ติดริมแม่น้ำ แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นตลาดริมน้ำ ที่ขายผัก ผลไม้ และอาหารนานาชนิด ถ้าเป็นแม่บ้านหรือนักกิน คงจับจ่ายจนเพลิดเพลินใจทีเดียว

เสน่ห์ของตลาดน้ำดอนหวาย นอกจากอาหารสะอาดสะอ้าน ของกินอร่อยถูกปากแล้ว ยังเป็นตลาดโบราณ ก่อสร้างด้วยอาคารไม้เก่าๆ ติดริมแม่น้ำท่าจีน น้ำใสสะอาด เห็นฝูงปลาแหวกว่ายกันสนุกสนาน เราเริ่มต้นเดินจากปากทางเข้า ตลอดสองข้างทางจะเห็นว่า มีร้านขายของจิปาถะทั่วไป อาทิ เครื่องจักรสาน ต้นไม้ ขนม ผักสด และผลไม้ ที่น่าสนใจคือ ผักสดจะแพ็คขายเป็นถุงๆ อย่างเรียบร้อย
เดินลึกเข้าไปภายในตลาดน้ำ ผู้คนเริ่มคึกคัก เดินเบียดเสียดกัน เพราะแถบนี้ขายขนม เช่น สาลี่ โมจิ ปุยฝ้าย ขนมตาลป้าไข่ ตะโก้ ขนมเบื้อง ลูกชุบ ทองม้วน ข้าวเหนียวแก้ว ขนมเปี๊ยะ บะจ่าง ช่อม่วง หรุ่มล่าเตียง ปั้นขลิบ และอื่นๆ ล้วนหน้าตาน่ารับประทานทั้งสิ้น ใกล้กันเป็นร้านอาหารคาว ที่ขึ้นชื่อเลยคือร้านเป็ดพะโล้นายหนับ ต้มเค็มปลาทู ห่อหมกปลาช่อน ทอดมันปลากราย และขนมจีนน้ำยากะทิ
ลองชิมเป็ดพะโล้นายหนับ ถึงรู้ว่าแรกยังไม่ทานกลิ่นหอมเย้ายวน พอได้ทานรสชาติกลมกล่อมอร่อยที่สุด เพราะเป็ดพะโล้นายหนับ เปิดเป็นเจ้าแรกที่ตลาดน้ำดอนหวายแห่งนี้ นานถึง 30 กว่าปี ไม่ทันอิ่มท้อง มาต่อด้วยขนมจีนน้ำยาร้านข้างๆ ซึ่งไม่ธรรมดา ทั้งเส้นขนมจีนและผักสดที่นำมากินแกล้ม ขนมจีนสะอาดหมดจด รสชาติไม่ต้องพูดถึง
ระหว่างเพลินลิ้นกับขนมจีนอยู่นั้น มองดูนาฬิกาถึงกับตาเหลือก ต้องรีบจ้ำเท้าไปยังท่าเรือ เตรียมลงเรือล่องแม่น้ำท่าจีน ไม่ลืมซื้อขนมติดไม้ติดมือไปด้วย พนักงานเดินมาเช็คตั๋ว ก่อนปล่อยเรือออกท่า ไหลเลียบแม่น้ำท่าจีนอย่างสบายอารมณ์ เราทอดสายตามองทิวทัศน์รอบข้าง ชมธรรมชาติสองฟากแม่น้ำ หูฟังไกด์บรรยายวิถีของผู้คนกับสายน้ำ

“บ้านนี้ปลูกส้มโอหวาน บ้านนั้นเป็นโรงสีมีข้าวสารขาว ส่วนบ้านถัดไปตรงโน่นลูกสาวงาม” ไกด์เล่นคำพลางชี้ไปบ้านแต่ละหลัง ก่อนบอกว่าจะพาไปดูบ้านพี่เบิร์ด เราคิดว่าบ้านพี่เบิร์ดธงไชย ที่ไหนได้บ้านพี่เบิร์ดจริงๆ แต่เป็นบ้านที่เค้าแสดงในละครคู่กรรมนั่นเอง เรือยังคงเคลื่อนต่อไป ผ่านโรงเหล้าเก่า บ้านไม้โบราณหลายหลัง วัดท่าพูด จวบจนมาสิ้นสุดที่วัดไร่ขิง ซึ่งมีวังปลาขนาดใหญ่ ทั้งปลาสวายและปลาเทโพกว่าแสนตัว พากันว่ายน้ำแย่งชิงขนมปังกันจ้าละหวั่น จากนั้นเรือเลี้ยวกลับเส้นทางเดิม คราวนี้เมฆหมอกหนาครึ้ม ฝนค่อยๆ โปรย พัดพาเอาความหนาวเย็นชื้นสัมผัสกาย ไม่นานฝนหยุด เรือก็ถึงท่าตลาดน้ำดอนหวายพอดี

ไหนๆ มาแถวนี้ทั้งที ไม่ลืมแวะวัดไร่ขิง กราบสักการะขอพรหลวงพ่อวัดไร่ขิง ก่อนนั่งแท็กซี่ไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ซึ่งอยู่บนถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า – นครชัยศรี) อำเภอนครชัยศรี ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีถึง ภายนอกพิพิธภัณฑ์กว้างขวาง และร่มรื่น เมื่อซื้อตั๋วและเดินเข้าภายใน รู้สึกได้ถึงความลึกลับและน่าขนลุก ไม่ใช่น่ากลัว แต่น่าตกใจ เพราะหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสแต่ละรูปเหมือนคนจริงๆ ทั้งหน้าตา รูปร่าง เส้นผม สายตา และท่าทาง ล้วนสื่ออารมณ์และความรู้สึกของคนนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

เครดิต:http://www.moopeak.com/voyager/to-travel.php?article_id=99




วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ฮิบาริ เคียวยะ สุดที่รักของเค้า ^___^

ประวัติ
ฮิบาริ เคียวยะ เป็นหัวหน้ากรรมการคุมกฏระเบียบประจำโรงเรียนนามิโมริ รักโรงเรียนมากถึงขนาดใช้เพลงริงโทนมือถือเป็นเพลงโรงเรียน และเขาก็ยังสนใจในตัวรีบอร์นอีกด้วย ถึงแม้จะเป็นวันหยุดแต่เขาก็ยังใส่ชุดนักเรียนไปไหนมาไหน ฮิบาริยอมไม่ได้ที่จะมีคนมาดูถูกโรงเรียน หรือเด็กนักเรียนนามิโมริถูกทำร้าย เขาจึงเป็นคนที่ใคร ๆ ก็หวาดกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับความเคารพยำเกรงเช่นเดียวกัน

ข้อมูลส่วนตัว
วันเกิด : 5 พฤษภาคม (วันเด็กผู้ชาย)
ราศี : พฤษภ
ส่วนสูง : 169 ซม.
น้ำหนัก : 58 กก.
สัญชาติ : ญี่ปุ่น
อาวุธ : ทอนฟา
คำพูดที่ชอบพูด : จะขย้ำให้เละ, ว้าว!
อาหารที่ชอบ : อาหารญี่ปุ่น, แฮมเบอร์เกอร์
ไฟธาตุ : เมฆา
แหวนประจำตัว : วองโกเล่ริงแห่งเมฆา

ฮิบาริเป็นคนที่ชอบสันโดษ ไม่ชอบสุงสิงกับใคร หน้าตาดีแต่เพราะชอบทำหน้าเคร่งขรึมเสมอเลยไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้ เขาใช้กระบองเหล็กทอนฟาเป็นอาวุธเสมอ ฮิบาริเกลียดการสุมหัว แม้แต่ในภาคอนาคต เขาก็ไม่พักในฐานทัพของวองโกเล่ แต่ไปสร้างฐานทัพอีกแห่งหนึ่งใกล้ๆกันแทน คาดว่าในห้องส่วนตัวเกือบทุกห้องของฮิบาริจะตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น และทุกคนที่เข้าไปจะต้องสวมชุดยูกาตะไม่เว้นแม้แต่เบียงกี้และรีบอร์น ฮิบาริมีฝีมือที่ร้ายกาจ แถมยังเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในวองโกเล่อีกด้วย โดยศึกโกคุโยพ่ายแพ้ต่อมุคุโร เพราะมุคุโร่ใช้ประโยชน์จากไข้ซากุระของฮิบาริ และเป็นเหตุให้ฮิบาริแค้นเคืองมุคุโรตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อเจอมุคุโรที่ไหนย่อมเกิดศึกขึ้นทุกครา ยกเว้นเพียงตอนเดียว(ปรากฏเฉพาะในอะนิเมะ)ที่สึนะ(โหมดไฮเปอร์)เข้ามาหยุดการวิวาทของทั้งสองคนไว้ได้ ในภาคอนาคต ฮิบาริมีกล่องเม่นเมฆาที่มีคุณสมบัติเพิ่มพูน และมีกล่องวองโกเล่เมฆาอีกหนึ่งกล่อง และก่อนที่จะกลับไปเป็นเด็ก ฮิบาริจะเป็นคนที่มีสไตล์การต่อสู้ที่แตกต่าง เพราะเขาเป็นคนที่มีแหวนแบบใช้แล้วทิ้ง(จุดไฟเสร็จแหวนจะแตก)แต่อุปนิสัยจะไม่ค่อยแตกต่างจากตอนเด็กเท่าไหร่นัก แต่จะสุขุมขึ้นและมีฝีมือสูงขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย พอเขากลับเป็นเด็กเพราะโดนบาซุก้าทศวรรษยิงใส่ ฮิบาริก็ได้กล่องวองโกเล่เมฆา จากนั้นก็แยกตัวไปที่โรงเรียน ไม่มาพูดคุยอะไรกับพวกสึนะอีก แต่ก็มาเจอดีโน่ในอนาคตที่ปรากฏตัวขึ้นเพื่อมาฝึกสอนผู้พิทักษ์ของวองโกเล่ และไปร่วมแข่งขันChoiceพร้อมกับพวกสึนะในอีก10วันต่อมา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความรัก... ก้าวเดิน















“ความรัก” ของคนเรา ก็มีเท้าเดินเหมือนกัน
เมื่อแรกเริ่ม . . . ความรักก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เพราะ . . . อยากจะถึงจุดหมายที่หวังไว้


คือ . . . ใครคนหนึ่งที่เรารู้สึกดีๆด้วย
เมื่อสมหวังแล้วความรักก็เดินไปเรื่อยๆ
. . . ไม่ต้องก้าวยาวและเร็ว
. . . เดินไปตามปกติและก้าวต่อไปเรื่อยๆ
. . . ในช่วงนี้ถ้าเดินเร็วไปอาจจะเจอหลุมและสะดุดได้
ก็คงจะต้องเดิน . . . อย่างระมัดระวัง
. . . และก้าวให้ได้จังหวะ . . . ที่เหมาะสม



แต่เมื่อถึงเวลา . . . ที่ความรักผิดหวังหรือจบลง
ความรัก . . . ก็จะเดินช้าลง
บางทีอาจจะช้า . . . ช้าจนเหมือนเราเดินถอยหลัง

เหมือนกับ . . . คนที่หกล้มแล้วขาเจ็บ
จะเดินไม่ถนัดนัก . . . ต้องรอเวลาเพื่อรักษาให้แผลที่เกิดจากการหกล้มหาย
แล้วค่อยก้าวเดินต่อไป . . . อย่างปกติ



ความรักก็มี step ในการก้าวเดินไปอย่างนี้เรื่อยๆ
ช้าบ้าง . . . เร็วบ้าง จนกว่าจะถึงวันหนึ่งที่เราได้เจอคนที่ใช่จริงๆ
วันนั้น . . . ความรักคงเดินต่อไปได้เรื่อยๆ

ถึงจะหกล้มบ้าง ตกหลุมบ้าง
แต่ . . . ก็ยังมีคนที่คอยประคอง คอยเดินไปด้วยกัน
ไม่ใช่หกล้มแล้ว . . . ต้องลุกเดินต่อด้วยตัวเองอีกต่อไป



เมื่อความรัก . . . ก้าวเดิน
เราจึงต้องก้าวตาม . . . อย่างระมัดระวัง
จะหกล้มบ้าง จะสะดุดบ้างก็ต้องพยายามลุกขึ้น
. . . และกลับมาเดินต่อไป ให้ได้ . . .


เครดิต:http://www.postsmiles.com

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เค้ารักออดิชั่น

ชื่อในเกมส์ ขนมจีบ ^ ^ แฟนชื่อ ซาลาเปา

เวล 29

เล่นยุ 6/3 6/6

ชื่อแฟม ร้านติ่มซัม