วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553
การจัดการ ( องค์การสมัยใหม่)

การจัดการเกิดขึ้นในองค์การ และในมุมมองด้านการจัดการ องค์การหมายถึง การที่มีคนมาทํางานร่วมกันอย่างเป็นระบบเพื่อให้ได้บรรลุเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งองค์การมีลักษณะร่วมกันอยู่ 3 ประการ ได้แก่
1) ทุกองค์การต้องมีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของตนเอง
2) ทุกองค์การต้องมีคนร่วมกันทํางาน
3) องค์การต้องมีการจัดโครงสร้างงานแบ่งงานหน้าที่รับผิดชอบของคนในองค์การ
ตามที่กล่าวข้างต้น จะเห็นว่าองค์การปัจจุบันต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นองค์การต้องมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ แนวคิดเกี่ยวกับองค์การในแบบเดิมกับองค์การสมัยใหม่ก็มีความแตกต่างกัน เช่น การจัดการแบบคงเดิมกับแบบพลวัตร รูปแบบไม่ยืดหยุ่นกับแบบยืดหยุ่น การเน้นที่ตัวงานกับเน้นทักษะ การมีสถานที่ทำงานและเวลาทำงานที่เฉพาะคงที่กับการทํางานได้ทุกที่ทุกเวลา
องค์การแบบเดิมจะมีลักษณะการจัดการที่คงเดิมไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้างก็เป็นในช่วงสั้นๆ แต้องค์การปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จะมีความคงที่บ้างเป็นช่วงสั้นๆ จึงมีการจัดการแบบพลวัตรสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา องค์การแบบเดิมมักมีการจัดการแบบไม่ยืดหยุ่น ส่วนในองค์การสมัยใหม่จะมีการจัดการที่ยืดหยุ่น กล่าวคือในองค์การสมัยใหม่จะไม่ยึดติดกับแนวทางปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ต้องให้มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติ สามารถปรับเปลี่ยนได้ถ้าสถานการณ์แตกต่างไป
องค์การแบบเดิมลักษณะของงานจะคงที่ พนักงานแต่ละคนจะได้รับมอบหมายงานเฉพาะ และทํางานในกลุ่มเดิมไม่ค่อยเปลี่ยน แต่ในองค์การสมัยใหม่พนักงานต้องเพิ่มศักยภาพของตนที่จะเรียนรุ้และสามารถทํางานที่เกี่ยวข้องได้รอบด้าน และมีการสับเปลี่ยนหน้าที่และกลุ่มงานอยู่เป็นประจํา ตัวอย่างเช่น ในบริษัทผลิตรถยนต์ พนักงานในแผนกผลิต ต้องสามารถใช้งานเครื่องจักรที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ได้ด้วย ซึ่งในคำบรรยายลักษณะงาน เดียวกันนี้เมื่อ 20 ปีก่อนไม่มีการระบุไว้ดังนั้นในองค์การสมัยใหม่จะพัฒนาบุคลากรให้เพิ่มทักษะการทํางานได้หลากหลายมากขึ้น และในการพิจารณาค่าตอบแทนการทํางาน (compensation) ในองค์การสมัยใหม่มีแนวโน้มที่จะตอบแทนตามทักษะ (skill based) ยิ่งมีความสามารถในการทํางานหลายอย่าง มากขึ้นก็ได้ค่าตอบแทนมากขึ้น แทนการให้ค่าตอบแทนตามลักษณะงานและหน้าที่รับผิดชอบ (job based)
องค์การแบบเดิม พนักงานจะทํางานในสถานที่ทํางานและเป็นเวลาที่แน่นอน แต่ในองค์สมัยใหม่มีแนวโน้มที่จะให้อิสระกับพนักงานในการทํางานที่ใดก็ได้เมื่อไรก็ได้ แต่ต้องได้ผลงานตามที่กําหนด เนื่องจากปัจจุบันเทคโนโลยีเอื้อให้สามารถสื่อสารถึงกันได้แม้ทํางานคนละแห่ง รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และโลกาภิวัตน์ทําให้คนต้องทํางานแข่งกับเวลามากขึ้นจนเบียดบังเวลาส่วนตัวและครอบครัว ดังนั้นองค์การสมัยใหม่จะให้เกิดความยืดหยุ่นในการทํางานทั้งเรื่องเวลาและสถานที่เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มวิถีการดําเนินชีวิตของพนักงานยุคใหม่
เครดิต: ttp://www.kmitnbxmie8.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5355384&Ntype=3
วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553
141 ที่สุดในโลกที่คุณควรรู้

1.ทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทวีปเอเซีย
2.ทวีปที่เล็กที่สุดในโลก - ทวีปออสเตรเลีย
3.คาบสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก - คาบสมุทรอาหรับ
4.มหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก - มหาสมุทรแปซิฟิก
5.มหาสมุทรที่เล็กที่สุดในโลก - มหาสมุทรแอนตาร์กติก
6.ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทะเลจีนใต้
7.ทะเลส่วนที่ลึกที่สุดในโลก - บริเวณChallenger ใกล้เกาะมาเรียนา ในมหาสมุทรแปซิฟิก
8.ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทะเลสาบสุพีเรีย อยู่ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับแคนาดา
9.ทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทะเลสาบแคสเปียน อยู่ระหว่างทางใต้ของรัสเซียกับอิหร่าน
10.ทะเลสาบที่มีน้ำเค็มที่สุดในโลก - ทะเลสาบเดดซี อยู่ระหว่างอิสราเอลกับจอร์แดน
11.ทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกที่สุดในโลก - ทะเลสาบไบคาล ในไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย
12.ทะเลสาบที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก - ทะเลสาบกัลลาเซียล ในธิเบต
13.ทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ทะเลสาบมืด เหนือเขื่อนระหว่างรัฐเนวาดากับอริโซนา
14.อ่าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก - อ่าวเม็กซิโก
15.ปากแม่น้ำที่กว้างที่สุดในโลก - ปากแม่น้ำออฟเฟน โพรเซ็น อ๊อป ประเทศรัสเซีย
16.แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก - แม่น้ำไนล์ ทวีปแอฟริกา
17.แม่น้ำที่สั้นที่สุดในโลก - แม่น้ำดี ริเวอร์ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา
18.แม่น้ำที่กว้างที่กว้างที่สุดในโลก - แม่น้ำอเมซอน ทวีปอเมริกาใต้
19.แม่น้ำที่เกิดอุทกภัยมากที่สุดในโลก - แม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำวิปโยค ประเทศจีน
20.คลองธรรมชาติที่ยาวที่สุดโลก - คลองยุ่นโห ประเทศจีน
21.คลองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก - คลองสุเอช
22.หมู่เกาะที่มีเกาะต่างๆอยู่หนาแน่นที่สุด - หมู่เกาะอินดีส
23.ช่องแคบที่ยาวที่สุดในโลก - ช่องแคบตาต้า
24.เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก - เกาะกรีนแลนด์ มหาสมุทรอาร์คติค
25.ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก - ยอดเขาเอเวอเรสต์
26.เทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลก - เทือกเขาแอนดีส ทวีปอเมริกาใต้
27.ช่องแคบระหว่างภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ช่องแคบบนแกรนด์ แคนยอน รัฐอริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา
28.ยอดภูเขาไฟที่สวยและสูงที่สุดในโลก - ภูเขาไฟฟูจิยามา ประเทศญี่ปุ่น
29.ทะเลทรายที่ใหญ่และร้อนที่สุด - ทะเลทรายซาฮาร่า ในแอฟริกาเหนือ
30.น้ำตกที่มีทัศนียภาพสวยงามและใหญ่ที่สุดในโลก - น้ำตกไนแองการา อยู่ระหว่างสหรัฐอเมริกา และแคนาดา
31.น้ำตกที่สูงที่สุดในโลก - น้ำตกแองเจิล ประเทศเวเนซูเอลา
32.ประเทศที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก - ประเทศรัสเซีย
33.ประเทศที่เล็กที่สุดในโลก - นครรัฐวาติกัน
34.ประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุด - ประเทศจีน
35.เมืองที่มีพลเมืองมากที่สุด - โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
36.ประเทศที่มีพลเมืองน้อยที่สุด - นครรัฐวาติกัน
37.ประเทศที่มีเกาะมากที่สุด - ฟิลิปปินส์
38.ประเทศที่มีทะเลสาบมากที่สุด - ฟินแลนด์
39.ประเทศที่มีภูเขาไฟมากที่สุด - อินโดนีเซีย
40.ประเทศที่อยู่สูงที่สุด - ธิเบต
41.ประเทศที่มีพื้นที่ต่ำที่สุด - อิสราเอล
42.ประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อยที่สุด - ประเทศญี่ปุ่น
43.ประเทศที่มีภาษามากที่สุด - ประเทศอินเดีย
44.ประเทศที่มีเมืองขึ้นมากที่สุด - อังกฤษ
45.เมืองที่มีคลองมากที่สุด - เวนิส ประเทศอิตาลี
46.ประเทศที่ขุดแร่ดีบุกมากที่สุด - มาเลเซีย
47.ประเทศที่ปลูกกาแฟมากที่สุด - บราซิล
48.ประเทศที่ผลิตกระดาษมากที่สุด - แคนาดา
49.ประเทศที่ขุดเพชรได้มากที่สุด - สหภาพแอฟริกาใต้
50.ประเทศที่มีแร่เงินมากที่สุด - เม็กซิโก
51.ประเทศที่มียางพารามากที่สุด - มาเลเซีย
52.ประเทศที่มีทับทิมมากที่สุด - พม่า
53.ประเทศที่มีทองคำขาวมากที่สุด - สหภาพโซเวียตรัสเซีย
54.ประเทศที่มีแร่พลวงมากที่สุด - สาธารณรัฐประชาชนจีน
55.ประเทศที่ขุดสินแร่อลูมิเนียมได้มากที่สุด - สวิสเซอร์แลนด์
56.ประเทศที่ผลิตหินอ่อนมากที่สุด - อิตาลี
57.ประเทศที่ผลิตแร่ปรอทได้มากที่สุด - สเปน
58.ประเทศที่มีถ่านหินมากที่สุด - สหรัฐอเมริกา
59.ประเทศที่มีแมงกานีสมากที่สุด - อินเดีย
60.ประเทศที่ประดิษฐ์และส่งดาวเทียมประเทศแรก - สหภาพโซเวียตรัสเซีย
61.ประเทศที่ส่งมนุษย์อวกาศไปดวงจันทร์ได้สำเร็จประเทศแรก - สหรัฐอเมริกา
62.ประเทศที่จับปลาได้มากที่สุดในโลก - ญี่ปุ่น
63.ประเทศที่มีฟยอร์ดมากที่สุดในโลก - นอร์เวย์
64.ประเทศที่ผลิตเหล้าองุ่นมากที่สุด -ฝรั่งเศส
65.ประเทศที่ผลิตเบียร์มากที่สุด - เยอรมนี
66.ประเทศที่ปลูกอ้อยมากที่สุด - คิวบา
67.ประเทศที่มีต้นควินินมากที่สุด - อินโดนีเซีย
68.ประเทศที่ปลูกข้าวสาลีมากที่สุด - รัสเซีย
69.ประเทศที่ปลูกชามากที่สุด - สาธารณรัฐประชาชนจีน
70.ประเทศที่ปลูกฝ้ายมากที่สุด - สหรัฐอเมริกา
71.ประเทศที่มีข้าวเจ้าพันธุ์ดีที่สุด - ไทย
72.ประเทศที่มีแร่เหล็กมากที่สุด - สวีเดน
73.ประเทศที่เลี้ยงไหมมากที่สุด - จีน
74.ประเทศที่ผลิตนมมากที่สุด - สวิสเซอร์แลนด์
75.ประเทศที่ปลูกสับปะรดมากที่สุด - เกาะฮาวาย สหรัฐอเมริกา
76.ประเทศที่ปลูกส้มมากที่สุด - รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
77.ประเทศที่ผลิตพรมได้มากและคุณภาพดีที่สุด - เปอร์เซีย
78.ประเทศที่ขุดน้ำมันดิบส่งออกมากที่สุด - ซาอุดิอาระเบีย
79.ชาติที่ประดิษฐ์เข็มทิศใช้ในการเดินเรือเป็นชาติแรก - จีน
80.บัตรอวยพรอะไรที่มีเป็นอย่างแรก - บัตรอวยพรวันวาเลนไทน์
81.ศาสนาที่มีคนนับถือมากที่สุด - ศาสนาคริสต์
82.ศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด - ศาสนาฮินดู
83.กำแพงที่ยาวที่สุด - กำแพงเมืองจีน
84.วัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก - นครวัต ประเทศกัมพูชา
85.โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก - โรงแรมลาสเวกัส ฮิลตัน รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา
86.ตึกที่สูงที่สุดในโลก - ตึกเซียส์ ที่ชิกาโก สหรัฐอเมริกา
87.ป่าที่ใหญ่ที่สุด - ป่ามหาวัน ประเทศอินเดีย
88.สะพานที่ยาวที่สุด - สะพานเซคอนด์ เลค พอนซาเทรน คอสเวย์ อยู่ที่ลอสแองเจลลิส สหรัฐอเมริกา
89.สะพานที่กว้างที่สุด - สะพานซิดนีย์ ฮาร์เบอร์ บริดจ์
90.สะพานแขวนที่ยาวที่สุด - สะพานพระราม9 กรุงเทพมหานคร
91.ทางรถไฟที่ยาวที่สุด - ทรานส์ไซบีเรีย
92.อุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุด - อุโมงค์ซิมพลอน
93.สถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุด - สถานีแกรนด์ เซนทรัล เทอร์มินอล
94.ถนนที่ยาวที่สุด - ถนนแพน-อเมริกัน ไฮเวย์
95.เครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุด - เครื่องบินเจ็ท โบอิ้ง747
96.เรือเดินสมุทรที่ใหญ่ที่สุด - เรือควีน อลิซาเบธ
97.เรือบรรทุกน้ำมันที่ใหญ่ที่สุด - เรือซีวีส ไจเอ้น
98.ป่าที่ทึบที่สุดในโลก - ป่าเซลวาส ลุ่มแม่น้ำอเมซอน
99.ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุด - ต้นซานตา มาเรีย เด็ล ตูลี ในเม็กซิโก
100.ต้นไม้ที่อายุยืนที่สุดในโลก - ต้นสนPinus longaeva รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
101.ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก - Arnold 's Rafflesia เกาะสุมาตรา
102.ปิรามิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก - ปิรามิดQuetzalcoatl
103.คุกที่แข็งแรงที่สุด - คุกอัลคาตราส ในซานฟรานซิสโก
104.จัตุรัสที่ใหญ่ที่สุด - จตุรัสเทียนอันเหมิง ปักกิ่ง
105.สิ่งก่อสร้างที่สวยงามที่สุด - สุสานหินอ่อนทัชมาฮาล เมืองอักรา ประเทศอินเดีย
106.ประเทศที่มีชื่อเสียงในการทำนาฬิกา - สวิสเซอร์แลนด์
107.ระฆังใบใหญ่ที่สุด - ระฆังซาร์โคโลโคล อยู่ที่ปราสาทอิวานเวลิกี้ พระราชวังเครมลิน มอสโคว สหภาพโซเวียต
108.เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก - เพชรคุลลินาน
109.หอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลก - หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน ในกรุงวอชิงตัน
110.นาฬิกาเรือนใหญ่ที่สุดในโลก - นาฬิกาบิกเบน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
111.ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้โลกมากที่สุด - ดาวศุกร์
112.ดาวฤกษ์ดวงไหนมีแสงสว่างมากที่สุด - ดาวซิริอัส(Sirius) มีสีเขียวแกมน้ำเงิน
113.นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก - นางศิริมาโว บันดาราไนยเก ประเทศศรีลังกา
114.มนุษย์อวกาศคนแรกของโลก - ยูริ กาการิน ชาวรัสเซีย
115.มนุษย์อวกาศหญิงคนแรกของโลก - วาเลนตินา วลาดิมิโรฟนา เทเรสโกวา ชาวรัสเซีย
116.ผู้ที่เดินเรือรอบโลกเป็นคนแรก - แม็คเจลแลน
117.สัตว์ที่มีจำนวนมากที่สุด - แมลง
118.สัตว์ที่มีอายุยืนที่สุด - เต่าทะเล
119.สัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด - ช้าง
120.สัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด - ปลาวาฬ
121.นกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด - นกกระจอกเทศ
122.สัตว์ที่มีเสียงดังที่สุด - ปลาวาฬสีน้ำเงิน
123.สัตว์ที่เตลื่อนที่ได้เร็วที่สุด - เหยี่ยวฟิรีกริน
124.สัตว์ที่เคลื่อนที่ได้ช้าที่สุด - ปู ในบริเวณทะเลแดง
125.นกที่มีอายุยืนที่สุด - กา
126.นกที่ตัวเล็กที่สุด - นกฮัมมิ่ง
127.นกที่บินเร็วที่สุด - นกอินทรี
128.นกที่มองได้ไกลที่สุด - เหยี่ยว
129.นกที่ตาไวที่สุด - แร้ง
130.สัตว์ที่สายตาสั้นและดุร้ายที่สุด - แรด
131.ปลาที่ร้ายกาจที่สุด - ปิรันยา
132.ไก่ที่ไข่ดกที่สุด - ไก่พันธุ์เล็กฮอร์น
133.ธาตุที่เบาที่สุด - ธาตุไฮโดรเจน
134. เนื้อที่ : ประเทศรัสเซีย เป็นประเทศที่มี เนื้อที่มากที่สุดในโลก ประมาณ 17,075,400 ตารางกิโลเมตร เนื้อที่น้อยที่สุด คือ นครรัฐ วาติกัน มี เพียง 0.44 ตารางกิโลเมตร
135. ระดับความสูงของที่ตั้งประเทศ :ประเทศธิเบตเป็นประเทศ ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก คือ สูงกว่า ระดับน้ำทะเล 12,087 ฟุต (3,626.1 เมตร) ส่วนประเทศที่ตั้งอยู่ต่ำ ที่สุด คือ ประเทศอิสราเอลบริเวณทะเล Death Sea ซึ่งต่ำกว่าระดับ น้ำทะเล 1,292 ฟุต (387.60 เมตร)
136. พรมแดนของประเทศ : ประเทศจีนมีพรมแดน ติดต่อกับ ประเทศเพื่อนบ้านมากที่สุดในโลกถึง 14 ประเทศ ส่วนพรมแดน รอยต่อประเทศที่ยาวที่สุดในโลก คือ พรมแดนระหว่างประเทศ สหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดา ที่ยาวถึง 3,987 ไมล์ หรือ ประมาณ 6,379 กิโลเมตร ส่วนพรมแดนที่สั้นที่สุดคือ พรมแดน ของประเทศอิตาลีกับนครรัฐวาติกัน ที่ยาวเพียง 2.53 ไมล์ หรือ ประมาณ 4.05 กิโลเมตรเท่านั้น
137. จำนวนประชากร : ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ราว 1,178.5 ล้านคน 5. อัตราการเกิด : ประเทศมาลาวี ทวีปแอฟริกา เป็นประเทศ ที่มีอัตราการเกิดมากที่สุด คือ ร้อยละ 5.5 ส่วนนครรัฐวาติกัน มีอัตราการเกิดน้อยที่สุด คือ มีอัตราการเกิดเป็น 0
138. อัตราการตาย : ประเทศอัฟกานิสถาน เป็นประเทศที่มีอัตราการตายมากที่สุดคือ ร้อยละ 2.2 ส่วนคูเวตมีอัตราการการตายต่ำสุด เพียงร้อยละ 0.2 เท่านั้น
139. อายุเฉลี่ย : ประเทศที่จัดว่ามีประชากรอายุยืนที่สุด คือ ญี่ปุ่น ซึ่งมีอายุเฉลี่ย ชาย 76 ปี หญิง 82 ปี ส่วนประเทศที่ประชากรมี อายุเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ประเทศ เซียร์ราลีโอน เฉลี่ยชาย 41 ปี เฉลี่ยหญิง 45 ปี
140. ภาษาพูด : ประเทศอินเดียครองความเป็นเจ้าแห่งภาษา คือ มีภาษาพูดมากกว่า 840 ภาษา
141. เกาะ : ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีเกาะมากที่สุด ในโลก คือ ประมาณ 13,000 เกาะ
ที่มา:www.school.net.th
5 วิธี หาความสุขบนเน็ต((1))

***5 วิธี หาความสุขบนเน็ต ***
ทุกวันนี้เราอยู่ในยุคอินเทอร์เน็ต พวกเราได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินจากมัน เช่น ได้เล่นเกมออนไลน์ , ได้ chat กับคนแปลกหน้า , ได้ดูรูปโป๊แบบไม่จำกัด ,ได้หาแฟนใหม่ทางเน็ตวันละ 10 คน ฯลฯ
แต่มีผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านเตือนว่า การหมกมุ่นอยู่กับเน็ต ระวังอันตรายร้อยแปด ทั้งเสียการเรียน ทั้งเสียคนบางทีอาจจะถึงกับได้พบอันตรายที่คาดไม่ถึงอีกมากมาย ที่จริง ก็น่าเห็นใจน้อง ๆ นะ ... เพราะเรียนหนังสือเครียดจะตายไป เลิกเรียนแล้ว ก็น่าจะได้มีโอกาสผ่อนคลายความเครียดกันบ้าง คนจะหาความสุขจากเน็ตสักหน่อย ยังมาห้ามอีก อะไรทำนองนั้น
ทีนี้ตามหลักพุทธศาสนาท่านว่า ความสุขมีสองแบบ คือ แบบ เสพบริโภค (กามฉันทะ ) กับ แบบสร้างสรรค์ (ธรรมฉันทะ ) ความสุขแบบเสพบริโภคนั้น เป็นความสุขมีคุณน้อย มีโทษมาก ทำให้หลงเพลิดเพลินไม่เป็นอันทำการงาน มีแนวโน้มทำให้เกิดความรุนแรง เบียดเบียนกัน ร้อนรน กระวน กระวาย ไม่คุ้มค่ากับความสุขเพียงนิด ที่ต้องแลกกับความทุกข์ที่ตามมาเป็นพรวน ๆ
1."ชื่นชมความงามธรรมชาติบนเน็ต"
เปิดเวบค้นหาภาพธรรมชาติ จำพวก ต้นไม้ ภูเขา วิวสวย ๆ ดวงจันทร์ หรือ ดอกไม้ ฯลฯ พอได้พบภาพที่ถูกใจ ให้คุณมองภาพนั้นด้วยความชื่นชมพร้อมทั้งกล่าวพรรณาความงามออกมา อาจจะเป็นคำพูดดี ๆ หรือแต่งเป็นกลอน หรือแต่งเป็นเพลง ก็ได้ หากคุณลองทำดูแล้วคุณรู้สึกว่าจิตใจของคุณมีความแช่มชื่นเบิกาน จนอยากออกไปพบเห็นธรรมชาติจริง ๆ ข้างนอก ละก้อ...แสดงว่าคุณได้ เข้าถึงความงามของธรรมชาติบ้างแล้ว
2. "พรรณาความงามของงานศิลปะ"
อันนี้ก็คล้าย ๆ กัน ให้ search ค้นหาภาพงานศิลปะต่างๆ ที่มีอยู่มากมายในอินเทอร์เน็ต คัดเลือกภาพที่ถูกใจสักภาพ แล้วให้คุณ พรรณาความงามของงานศิลปะชิ้นนั้น โดยสมมุติตัวเองว่าเป็นศิลปินกำลังบรรยาย ให้ผู้ชมฟัง พรรณาเข้าไปเถอะ หรือจะใช้วิธีพิมพ์บรรยายลงในคอมพ์ก็ได้ ทำอย่างนี้สักประเดี๋ยวจิตใจของคุณก็จะเกิดความปีติสุข เพราะได้เข้าถึงความงามของศิลปะ
3.มีความสุขกับการเป็น"พหูสูต "
"พหูสูต" แปลง่าย ๆ ว่า "ผู้รอบรู้" คือ ไม่ว่าจะพบเห็นอะไร ก็จะมองเห็นเป็นความรู้ไปหมด สามารถ อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง นิสัย "พหูสูต" นี่สามารถสร้างขึ้นมาได้ หากฝึกฝนเป็นประจำ ยิ่งสมัยนี้มีอินเทอร์เน็ตยิ่งง่ายใหญ่ วิธีง่าย ๆ เริ่มต้นด้วย ทุก ๆ วัน ก่อนจะเปิดเน็ตให้ลองเหลียวมองสิ่งต่างๆ รอบตัวคุณ แล้วตั้งคำถามกับตัวเอง "วันนี้เราอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับอะไร" เมื่อเราได้พบสิ่งที่น่าสนใจแล้ว ก็ให้ค้นในอินเทอร์เน็ตว่าเราได้รับความรู้อะไรจากสิ่งนั้นบ้าง
ยกตัวอย่าง
เหลียวไปเหลียวมารอบ ๆ ตัว ก็พบว่าวันนี้ เราอยากจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับ "ปากกาลูกลื่น"ที่วางอยู่บนโต๊ะ เราก็พิมพ์ คำว่า"ปากกาลูกลื่น" หรือ ball-point pen ลงในเวบไซต์ประเภท search engine
จากนั้นก็ให้คัดเลือกหาอ่านเรื่องราวที่มีความรู้เกี่ยวกับ"ปากกาลูกลื่น" เก็บเกี่ยวสาระให้ได้มากที่สุด จนเราสามารถคุยเรื่องปากกาลูกลื่นได้เป็นชั่วโมง ๆ (แววพหูสูตเริ่มปรากฏ) วันต่อ ๆ มาก็ให้มองหาสิ่งอื่น รอบๆ ตัวเพื่อค้นหาความรู้อีก ลองตั้งเป้าไว้เลยว่า จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับสิ่งของที่มีอยู่ในบ้านให้หมดทุกอย่าง หากใครทำได้ ถือว่าได้เป็นผู้รอบรู้คนหนึ่งในบ้านเลยทีเดียว
4 สารานุกรมภาพ
มาสะสม"ภาพความรู้"กันดีกว่า (รับรอง สนุกว่าสะสมรูปโป๊ ) กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ท้าทายมาก เพราะมีคนฉลาดๆเท่านั้นเองที่สามารถทำได้ วิธีการง่าย ๆ ก็คือให้ท่องเว็บไปเรื่อย ๆ ทีนี้เกิดไปเจอภาพอะไรที่เขามีคำอธิบายเกี่ยวกับภาพนั้น ๆ เราก็ลองอ่านดู ถ้าเรื่องราวน่าสนใจ อ่านแล้วเราเข้าใจ ประทับใจ ก็ให้ save ภาพนั้นเก็บไว้ในอัลบั้มภาพในเครื่องคอมพ์ของตนเอง ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนเรามีคลังภาพแห่งความรู้เก็บไว้มากมาย ( ทุกภาพก่อน save เราจะต้องอ่านเนื้อหาคำอธิบายจนเข้าใจภาพนั้นได้ดีก่อน ไม่ใช่ เก็บแต่ภาพแต่ไม่ยอมเก็บความรู้)
ยกตัวอย่าง
เปิดเวบไปเห็นภาพ"เหตุการณ์ 14 ตุลา" เราก็อ่านเรื่องราวบรรยายภาพนั้นจนเข้าใจ ว่าได้เกิดอะไรขึ้นในปี พ.ศ. 2516 จากนั้นให้save ภาพนั้นเก็บเอาไว้ หรือ ไปพบภาพ "super nova" (ดาวระเบิด) เราก็อ่านจนเข้าใจเนื้อหาสาระของภาพ แล้วก็เก็บภาพไว้
ทีนี้เวลาได้ภาพเก็บไว้ในอัลบั้มมากพอเพียงแล้ว เวลาว่าง ๆ ให้คุณลองจัดแสดงภาพแบบสไลด์โชว์ บรรยายให้เพื่อนฝูงฟัง รับรองว่าคุณจะกลายเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ สามารถให้ความรู้และความสนุกสนานกับเพื่อน ๆ จนบรรดาเพื่อน ๆ จะต้องทึ่งในตัวคุณเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
5 "เก็บคำคม"
ในเว็บบอร์ดบนอินเทอร์เน็ตมีคำคม ๆ สำนวนดี ๆ มากมาย อ่าน ๆ แล้ว ให้เลือกสรรคำที่โดนใจ เอามาสะสมไว้ในไดอารี่ของเรา จะได้เก็บไว้อ่านประเทืองปัญญา จริงอยู่ในเว็บบอร์ดส่วนใหญ่อาจจะมีคำพูดที่ไม่เหมาะสมมากมาย เช่น คำหยาบ คำส่อเสียด ด่าว่า กระทบกระเทียบ แต่ในคำพูดเหล่านี้บางครั้งก็มีสาระสอดแทรกอยู่ เราสามารถเลือกสรรสิ่งที่ดีๆ คือ เลือกเฟ้นสิ่งที่ เป็นเนื้อหาสาระออกมา ( คุ้ยหาเพชรจากกองขยะ ) คุณทราบหรือไม่ว่าคำพูดของคนบางคน (แม้แต่คำพูดของคนที่สติไม่ดี ) บางครั้งจะให้แง่คิดดี ๆ ที่ช่วยปรับปรุงชีวิตของเราให้พัฒนาขึ้นมาได้ ลองดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าการสะสมข้อความดี ๆ มีสาระ มีความสนุกสนาน และมีคุณค่า ไม่น้อยกว่าการสะสมพระเครื่อง หรือ ตุ๊กตาโมเดลราคาแพง ๆ เสียอีก
ที่มา: http://variety.teenee.com/foodforbrain/28780.html
ดื่มนมผสมวิตามินดี บำรุุงกระดูก((2))

นักโภชนาการมหาวิทยาลัยเซอเรย์ และกรรมการคณะที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และโภชนาการอังกฤษ ศึกษาพบว่า การดื่มนมผสมวิตามินดีช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง ทั้งยังป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งด้วย
วิตามินดีนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นแก่ชีวิต ในการดูดซึมแคลเซียมไปเลี้ยงร่างกายและเพื่อความแข็งแรงของกระดูก และยังอาจจะป้องกันโรคสมองเสื่อมอีกด้วย มันยังมีอยู่ในอาหารพวกปลามันๆ กับไข่ แต่ส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 80 ได้จากแสงแดดที่มาโดนเนื้อตัวของเรา การศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ยังได้แสดงว่า
วิตามินดีมีสรรพคุณพอๆกับยาควบคุมโรคมะเร็งของต่อมลูกหมาก และยังจำเป็นกับสตรีมีครรภ์ กับเด็ก ป้องกันโรคปลอกหุ้มประสาทอักเสบได้ถึงร้อยละ 80 "วิตามินดีจำเป็นแก่ชีวิต เพราะมีส่วนในการทำหน้าที่ต่างๆของร่างกาย อยู่ยาวเป็นหางว่าว".
ที่มา: http://variety.teenee.com/foodforbrain/28849.html
5 ผลร้ายของการใช้ยานอนหลับเป็นเวลานาน ((3))

ยานอนหลับหากใช้ตามความเหมาะสมก็มีประโยชน์ช่วยแก้ไขอาการนอนไม่หลับได้ และในบางคนก็สามารถช่วยบรรเทาอาการ และคลายความตึงเครียดได้ดี แต่ก็มักมีคนนำเอาไปใช้แบบผิดๆ เอะอะนอนไม่หลับ หรือ เครียดก็มักจะทานยานอนหลับเป็นประจำ ซึ่งหากใช้ไปนานๆ อาจมีผลร้ายที่ไม่คาดคิดได้ ดังนั้นคุณจึงควรพึงคำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาก่อนใช้ดังต่อไปนี้ค่ะ
ติดยานอนหลับ
เมื่อใช้ยาไปได้สักระยะหนึ่งติดต่อกันแล้วหยุด ในช่วงแรกๆ อาการนอนไม่หลับอาจกลับมาอีกครั้ง จนต้องกลับไปใช้ยานอนหลับเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยให้นอนหลับได้
เกิดอาการดื้อยา
การใช้ยานอนหลับขนานเดิมไปได้สักระยะหนึ่ง แล้วพบว่าการออกฤทธิ์ของยาลดลง จนต้องเพิ่มขนาดของยานอนหลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนอาจเกิดภาวะกินยาเกินขนาด และเป็นอันตรายต่อร่างกายตามมาได้
ความจำเสื่อม
ยานอนหลับอาจส่งผลต่อระบบความจำในระยะยาวได้ ทำให้ไม่สามารถจำเหตุการณ์หรือเรื่องราวต่างๆ ได้ยาวนานเหมือนคนปกติทั่วไป
เซ็กซ์เสื่อม
มีรายงานว่าผู้ที่ได้รับยานอนหลับบางชนิดเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายได้
ฤทธิ์ยาตกค้าง
การใช้ยานอนหลับบางชนิดที่ออกฤทธิ์เป็นระยะเวลานาน หรือในผู้สูงอายุที่ร่างกายมีความสามารถในการกำจัดยาลดลง อาจทำให้ยังมียาสะสมอยู่ในร่างกายเมื่อตื่นนอนแล้ว บางคนจึงยังรู้สึกง่วงนอน อ่อนเพลีย หรือมึนงง ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ในคนที่ต้องขับรถ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ถึงแม้จะเป็นการทานยาเป็นครั้งแรก
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Woman Story
10 อันดับเรื่องสยองขวัญในมหาวิทยาลัยภาคเหนือ((4))
อันดับ 10 หอผู้ป่วย ห้องพิเศษ
เรื่องนี้เกิดขึ้นในหอผู้ป่วยใน ห้องพิเศษ มีนักศึกษาชายมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ซึ่งรักษาอยู่ในโรงพยาบาล คณะแพทย์ คุยกันจนเพลิน นึกขึ้นได้ว่าดึกมากแล้ว จึงขอลากลับ เวลา 4 ทุ่มของวอร์ดนี้ โดยเฉพาะแผนกห้องพิเศษ ช่างเงียบสงัดนัก นศ. คิด เขาไม่เคยเจอบรรยากาศแบบนี้มาก่อน… เขาเดินผ่านห้องผู้ป่วยอื่นมาเรื่อยๆ เพื่อเดินไปขึ้นลิฟท์ซึ่งอยู่ที่สุดทางเดินอันยาวนี้ พยาบาลที่เคาท์เตอร์ก็ไม่อยู่ เนื่องจากต้องไปดูแลผู้ป่วยห้องต่างๆ…. เขาไม่เห็นใครคนอื่นเลย เขาเดินไปได้กลางทาง ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง ใส่ชุดสีกากี ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ส่งเอกสารทั่วๆ ไป เดินเข้ามาในวอร์ดผ่านประตูซึ่งเปิดอยู่…. พยาบาลคงเรียกเขามาเอา specimen ไปส่งห้อง LAB กระมัง…. นศ. คิดในใจ ทันใดนั้นเอง นศ. ขนลุกซู่ โดยไม่รู้ตัว ชายคนดังกล่าวที่กำลังเดินใกล้เข้ามานั้น ไหล่และมือของเขานิ่งมาก ไม่มีการขยับหรือแกว่ง ตามจังหวะการเดินเลย…. เหมือนว่าเขาไม่ได้เดินมา….!! เขาเหมือนลอย… เข้ามา มากกว่า ในใจของ นศ. รู้สึกถึงความกลัวที่สุดในชีวิต แต่เขาก็ยังเดินต่อไปข้างหน้า ขณะที่ชายเสื้อสีกากีดังกล่าวก็…ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จังหวะที่ทั้งสองสวนผ่านกันนั้น ( ห่างกันไม่ถึง 2 เมตร ) นศ. สังเกตเห็นว่าชายคนนั้นลอยอยู่จริงๆ …!! ปลายนิ้วเท้าสองข้างของเขา ชี้ลงไปที่พื้น หน้าก้มต่ำ ผมเขายาวเล็กน้อยปิดบังหน้าตาไว้ นศ. ถึงกับขนลุกเกรียวทั้งตัวและสัมผัสได้ถึงความเย็น หลังจากเดินผ่านชายเสื้อกากีมาแล้ว นศ. ก็หันกลับไปมองชายคนนั้น ซึ่งเขาเองก็เหมือนจะรู้ตัว…. ชายคนดังกล่าวหยุดอยู่นิ่ง แล้วค่อยๆ หันหน้าซึ่งมีผมเผ้ารุงรัง ผิวสีเทาๆ มายัง นศ. แล้ว ยิ้ม แหยะๆ ให้ ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว…. นศ. รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากวอร์ด แล้วไม่หันหลังกลับไปดูอีกเลย
อันดับ 9 ทางเดินคณะวิศวะ
ทางเดินคณะวิศวะ มีคนสี่คนเข้าไปเล่นผีถ้วยแก้วตรงทางเดินยาวตรงข้ามหอ 5 ชาย วันนั้นฝนตกด้วย มีผีผู้ชายเข้ามา พอถามว่าชื่ออะไร ไม่ตอบถามว่ามาคนเดียวใช่รึไม่ใช่ ก็ตอบว่าไม่ใช่จึงถามต่อว่ามากันเท่าไหร่ เค้าก็ตอบว่าเก้า ( ไปเลข 9 ) คนเล่นรู้สึกกลัวขึ้นมาจึงเชิญออก แล้วรีบกลับมาที่หอ มีเพื่อนถามว่าไปไหนกันมา ก็บอกว่าไปเล่นผีถ้วยแก้วในคณะวิศวะเพื่อนก็ว่า อ๋อที่ยืนมุงเยอะๆ ตรงทางเดินน่ะนะ
อันดับ 8 ห้องแลปฟิสิกส์
อันนี้ฟังเค้าเล่ามาอีกทีเป็นเรื่องนานมาแล้ว เรื่องมีว่าเมื่อก่อนตอนที่ตึกเก้าชั้นวิดยายังไม่ได้สร้างแลปฟิสิกส์ของ เด็กปี 1 ก็ยังทำที่แลปเก่า ( น่าจะ เป็นตึกฟิสิกส์ ) แลปคราวนั้นเป็นแลปเรื่องแสง คนที่เคยเรียนคงรู้ว่าห้องจะมืดเพราะปิดไฟและเป็นแลปมืดจริงๆ เพราะทำช่วงค่ำ นักศึกษาหญิงคนนึงก็เข้าห้องแลปแต่พาร์ทเนอร์แลปยังไม่มา คนอื่นๆ ก็มากันแล้ว เตรียมอุปกรณ์เสร็จเพื่อนก็มา แต่ก้มหน้าก้มตา ไม่พูดไม่จา ถามว่าเป็นอะไรก็ไม่ตอบ เหลือบเห็นที่คอมีรอยแผลเป็นทางยาว เธอจับไหล่เพื่อนถามว่าไปโดนอะไรมาเพื่อนเงยหน้าขึ้นมาแล้วหัวหลุดกลิ้งไป กับพื้น ผู้หญิงร้อง กรี้ดแล้ววิ่งออกมาสลบตรงระเบียง ฟื้นมามียามกับรุ่นพี่สองสามคน ถามว่าไม่รู้เหรอว่าวันนี้แลปงด เพราะเมื่อเช้ามีนักศึกษาในเซค รถคว่ำตาย เพื่อนเลยไปงานศพช่วงค่ำกันหมด สอบถามชื่อได้ความว่าคือพาร์ท เนอร์แลปของเธอนั่นเอง! ส่วนคนที่เจอในห้องแลปทุกคนล้วนแต่ไร้ชีวิต
อันดับ 7 ก๊อกน้ำนิติเวช
อาคารเรียนรวมแพทย์ มีคนไปอ่านหนังสือกันสองคน พอดึกๆ ก็ไปซื้อไก่ทอดมากินเสร็จแล้วก็หาที่ล้างมือเจอก๊อกน้ำข้างตึก ก็ไปล้างมือที่นั่น ตอนที่ล้างอยู่เพื่อนอีกคนก็ทำหน้าตกใจมากแต่ยังไม่พูดอะไร คนที่ทำหน้าตกใจรีบจูงมือเพื่อนกลับมาใต้ตึก แล้วถามว่ารู้มั้ยเมื่อกี้เห็นอะไร อีกคนบอกไม่รู้ คนนั้นจึงบอกว่าเห็นผมของอีกคนซึ่งผมยาวชี้ขึ้นมากระจุกหนึ่งเหมือนมีคนจับ ขึ้น มา รู้ทีหลังว่าตรงนั้นเป็นที่ล้างศพ !
อันดับ 6 วงเวียนธรณี
ต้องขอโทษคนที่ผ่านทางนี้เป็นประจำ จุดนี้มีเรื่องเยอะจริงๆ นานมาแล้วมีนักศึกษาสองคนกินเหล้าเมากันมา พอมาถึงข้างตึกธรณีคนขี่มองไปทาง ข้างตึกอังกฤษ เห็นคนหัวขาดยืนอยู่ ตกใจจึงหยุดรถขยี้ตาดูอีกทีแล้วสะกิดถามเพื่อนๆ บอกไม่เห็นอะไร มองอีกทีก็ไม่มีแล้ว หันกลับมาข้างหน้ามีลวดเส้นเล็กๆขึงอยู่ระดับคอห่างออกไปเมตร เดียว ถ้าไม่หยุดรถคง ! .....
อันดับ 5 ถนนขึ้นดอยสุเทพ
สมัย นั้นเวลากลางคืนดอยสุเทพยังไม่ปิดความนิยม( ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ) อย่างหนึ่งก็คือเวลาเมาๆ นักศึกษาทั้งหลายมักจะขับรถขึ้นดอยกันขึ้นไปดูเชียงใหม่ทั้งเมือง ตอนกลางคืนมันสวยดี ( แต่ดันขับรถตอนเมา ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ) วัน หนึ่ง นักศึกษาจากคณะวิศวะสองคนเพิ่งเลิกจากกังสดาล( แต่ก่อนร้านนี้ฮิตค่ะ ) ครึ้มๆ ขึ้นมาก็เลยขับรถเลยจากทางเข้า กะขึ้นดอยไปชมเมืองเล่น คนขับก็ขับไปข้างหลังคน ซ้อนก็นั่งไป เมาๆ ขึ้นมาคนซ้อนก็เลยหลับ( สมัยก่อนแปดสิบเปอร์เซ็นต์นักศึกษาขับแมงกะไซค์ไม่ใช่รถยนต์อย่างทุกวันนี้ ) ซักพักหนึ่งคนซ้อนก็ตื่น กำลังเข้าโค้งพอดี เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนโบกรถอยู่ข้างทาง แต่คนขับก็ขับเลยผ่านไป ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจัด ก็เลยถามคนขับว่า “ทำไม คุณไม่ จอดรถลงไปถามหน่อยล่ะ เผื่อเขามีปัญหาอะไร?” คนขับ “ผมไม่จอดด้วยหรอก คนนี้เขารอโบกทุกโค้งเลย เจอมาหลายโค้งแล้ว เดี๋ยวโค้งหน้า คุณ กะ ผม ก็เจอเขาอีกแหละ...”
อันดับ 4 ห้องน้ำคณะสังคม
ที่ ห้องน้ำคณะสังคมศาสตร์ ที่เก่าๆ หน่อยลองไปหาดูเอาเอง ลักษณะห้องน้ำคือประตูอยู่ตรงกลาง เข้าไปแล้วโถฉี่จะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนอ่างล้างหน้ากับกระจกส่องหน้า จะอยู่ทางขวา รุ่นพี่ที่อยู่คณะ สังคมเคยเล่าว่าเคยมีคนเล่าให้ฟังว่า(ฟังเขามาอีกต่อหนึ่ง) ตอนกลางคืนช่วงใกล้สอบไปอ่านหนังสือที่คณะสังคม แล้วปวดฉี่เลยไปฉี่ที่ห้องน้ำนี้ ลุกไปเข้าห้องน้ำคนเดียว คนอื่นๆ ก็นั่งอ่านหน้งสืออยู่ คนไปฉี่ก็เข้าไปฉี่ธรรมดา ห้องน้ำมีโถฉี่ สองอัน อันแรกติดประตูอันที่สองอยู่ด้านขวา ข้างในไปอีก เขาบอกว่าตอนจะฉี่ ก็จะฉี่ที่โถแรกเพราะใกล้กว่า แต่ไม่รู้นึกยังไงเลยเดินเลยไปฉี่ที่โถข้างใน ตอนฉี่ก็ ยังไม่มีอะไรแต่ตอนฉี่เสร็จแล้วมองออกไปที่กระจก ภาพในกระจกสะท้อนเห็นกำลังมีคนยืนฉี่อยู่ที่โถฉี่อันแรก! ( หันหลังให้ ) นึกว่าตาฝาดเพราะหันไปดูก็ไม่มีอะไร แต่พอไปดูในกระจก ก็เห็นเหมือนเดิม? คืนนั้นเลยไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี พวกขี้เหล้าทั้งหลายที่ชอบไปกินแถวนั้นก็ระวังหน่อยละกัน
อันดับ 3 ห้องสีชมพู
เรื่อง นี้เกิดที่หอหญิง เป็นเรื่องของนักศึกษาหญิงที่เข้ามาพักในหอในแล้วได้เสียกับผู้ชาย เกิดพลาดตั้งครรภ์ขึ้นมา รู้ตัวเอาตอนท้องได้ 4 เดือนแล้วแต่มันยังไม่ป่องออกมา จึงปิดเงียบไม่ให้ใครรู้แม้แต่เมท ทำ ยังไงถึงจะเอาออกได้ พลาดไปแล้วแต่ไม่อยากเสียอนาคต ไม่มีเงินทำแท้ง แฟนไม่รับผิดชอบ ตัดสินใจเอาออกเองในห้องพักโดยเลือกตอนช่วงที่เพื่อนไม่อยู่ ทำเองคนเดียว โดยไม่ทราบวิธีการ ปรากฎว่าผลร้ายกว่าที่คิดนักศึกษาคนนั้นตกเลือดตายในห้องเพื่อนมาพบศพตอน เย็น เห็นรอยเลือดกระจัดกระจาย ติดฝาผนังบ้างก็มี หลังจากจัดการเรื่องศพเรียบร้อยแล้ว ( รวมถึงทำความสะอาดห้อง ) เมท ของคนตายก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดเห็นรอยเลือดสีจางๆ ติดอยู่ที่ผนังสีขาวก็เลยให้คนเอาสีขาวมาทาทับ วันรุ่งขึ้นเปิดเข้าไปทำความสะอาดรอย เลือดยังมีอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะทำยังไงทั้งขัด ทั้งถู หรือทาสีใหม่ รอยเลือดนี้ก็ยังไม่หายไป จนสุดท้ายทางหอพักจึงต้องนำสีชมพูไปทาทั้งห้องเพื่อไม่ให้เห็นรอยเลือด กลายเป็นห้องสีชมพูตั้งแต่นั้นมา ปัจจุบัน เป็นห้องเก็บของที่ปิดตาย เคยมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนี้ แล้วออกจากห้องไม่ได้ เพราะลูกบิดถูกล๊อค ( ทั้งที่ตัวล๊อคอยู่ในห้อง ) ลองไปเยี่ยมชมดูได้ค่ะ หนึ่งความพลาดพลั้งที่ไม่มีอะไรแก้ไขได้
อันดับ 2 เปรตหอนาฬิกา
เนื่องจากเคยเป็นป่าช้าและลานประหารเก่ามาก่อน ทำให้เรื่องเล่า เรื่องผีทั้งเก่าและใหม่มีมากมาย เรื่องนี้อยู่ที่หอนาฬิกาใหญ่ ตรงสี่แยกจากประตูหลังมอตรงนั้นจะเป็นวง เวียนสี่แยก ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้เป็นคณะวิศวะ ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เป็นคณะศึกษาและโรงเรียนสาธิต ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือเป็นหอชาย และฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหอหญิง เล่า กันว่าตรงหอนาฬิกา กลางวงเวียน มีเปรต หากไปลองของอาจโดนดีได้ วิธีการลองดีคือ ตอนเที่ยงคืนให้ไปวนรถทวนเข็มที่หอนาฬิกา สามรอบ ( วงเวียนจะ เวียนรถตามเข็ม ) เล่ากันว่า ผู้ที่ลองทำอย่างนั้น ไม่เคยมีใครวนรถทวนเข็มได้ครบสามรอบซักคน ผู้มีประสบการณ์เล่าว่าในขณะที่วนรถอยู่นั้น จะรู้สึกได้ถึงลมที่เย็นผิดปกติ แต่วนไปสองรอบก็ไม่เกิดอะไรขึ้น มาเกิดตอนที่จะครบรอบที่สามจู่ๆ ก็มีเสาสองต้นตั้งขวางถนนอยู่ ทำให้ต้องหักรถหลบ รถล้มบ้าง แฉลบบ้างไปตามๆ กันใครอยากรู้ก็ลองดู อีก กรณีหนึ่งมีข่าวอยู่บ่อยๆ ว่านักศึกษาที่พักอยู่ในหอพักชายและหญิงฝั่งที่ติดกับหอนาฬิกา มักได้ยินเสียงแหลมๆ เล็ก ดังมาจากทางหอนาฬิกา สอบถามแล้วคืนนั้น เด็กสาธิต ไม่มีการทำกิจกรรมและคณะวิศวะไม่มีกิจกรรม หรือการก่อสร้างใดๆ และที่สำคัญ บางห้องได้ยินบางห้องไม่ได้ยินทั้งที่อยู่ติดกัน? เป็นเพียงเรื่องเล่า
อันดับ 1 ป๊อก ป๊อก ครืด
เรื่อง ผีอันดับหนึ่งของ มหาลัย... ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัดแต่สถานที่เกิดคือ หอหญิง ในสมัยที่มหาลัย ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง ถนนหน้าฝนเป็นโคลน รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนมืด ไม่มีแสงไฟ เรื่องเกิดกับ นักศึกษาสาว คู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอ ช่วง นั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ นักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำแล้ว รูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่จึงไปไม่ไหว อยากพักผ่อน พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้ แล้วจะห่อข้าวมาฝากเพื่อนคนที่ไม่สบายก็บอกว่า ยังไงฝาก ซื้อลาดหน้า (หรือซักอย่างที่เป็นเส้นๆ) มาให้ทีละกัน กินแล้วจะได้กินยาเมท คนนั้นก็บอกว่าได้ๆ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ หลังจากที่เพื่อนออกไป จากห้อง คนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหว เพราะไข้ขึ้น จึงนอนรอ ต่อมามีความรู้สึกว่านานมากแล้ว เพื่อนทำไมยังไม่กลับมาซะที ตกดึก ฝนเริ่มตก นักศึกษาคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อ ในใจเป็นห่วงเพื่อนเพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ ซัก พักนักศึกษาคนนั้นได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่าง จากทางบันได ”ป๊อก…………ป๊อก………ป๊อก………ป๊อก…….” เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันได ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา ”ป๊อก…………ป๊อก………ป๊อก………ป๊อก…….” และ เสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป “ครื……..ด……..ครื………..ด…….ค..รื…ด” เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้ เข้ามาเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง “ครื……..ด……..ครื………..ด…….ค..รื…ด” นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบ อึดใจนึง ก็มีเสียงเคาะห้อง “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” แล้ว เงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อลาดหน้าแขวนอยู่ พอ เห็นห่อลาดหน้า ก็งง แล้วเพื่อนอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมา หรือติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้ แต่ทำไมต้องเอามาแขวนไม่รอเจอกันก่อน จะได้รู้ว่าเป็นใคร แล้วทำไมเดินเร็วจัง มีแต่ รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได….คิดต่างๆนา แต่แล้วก็แกะห่อลาดหน้าออกทานเสร็จก็ทานยาตาม ได้ซักพักก็ม่อยหลับไป รุ่ง เช้า…………….มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืนตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพ สภาพแขนและ ขาทั้งสองข้างหักอาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นัก ศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาด ( ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหินหรือตลาดต้นพยอม ) หลังจากทานข้าวเสร็จทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว โดย เพื่อนฝากซื้อข้าวห่อคนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ แล้วลาด หน้าเมื่อคืนล่ะ? ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมาคือหลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเพราะว่าไม่สบาย และยังหิว จึงนำห่อลาดหน้าที่ซื้อมาฝาก แต่จะไปส่งยังไง แขนหัก ขาหักหมดแล้ว…. ลักษณะ ที่เขาเล่ามาคือพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุงแล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพัก แล้วใช้คางเกยบันไดลากตัวเอง ขึ้นมา เป็นเสียง “ป๊อก ป๊อก” เสียง “ครืด” ที่ได้ยินคือเสียงลากตัวเองจากบันได มาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกัน หลังจากส่งห่อลาด หน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่าแต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ ข้างๆ ห้องยืนยันว่าในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนักและลากของหนักจาก ข้างล่าง ขึ้นมาแล้วทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ
ที่มา: http://variety.teenee.com/foodforbrain/28911.html
วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553
10 วิธีหนีร่างกายเสียสมดุล ((5))

ดังนั้น ก่อนที่โครงสร้างร่างกายจะเสียสมดุล เราควรต้องเปลี่ยนวีถีชีวิตตัวเองใหม่ใส่ใจกับตัวเองให้มากขึ้น เพื่อให้ร่าง กายอยู่ได้อย่างเต็มศักยภาพตลอดอายุขัย ซึ่ง"เพ็ญพิชชากร แสนคำ"นักกายภาพบำบัดจากสถาบันปรับโครงสร้างร่างกาย ซีเคร็ท เชพ เวลเนส เซ็นเตอร์ ได้สรุปพฤติกรรมที่ทำให้โครงสร้างร่างกายเสีย สมดุล เอาไว้ 10 ข้อดังนี้
1. การนั่งไขว่ห้าง
จะทำให้น้ำหนักตัวลงที่ก้นข้างใดข้างหนึ่ง เป็นผลให้กระดูกคดอย่างแน่นอนหรืออาจจะคดแล้วก็ได้โดย ที่ไม่รู้ตัว
2. การนั่งกอดอก
ทำให้หลังช่วงบนสะบัก และหัวไหล่ ถูกยืดยาวออก หลังช่วงบนค่อมและงุ้มไปด้านหน้า ทำให้กระดูก คอยื่นไปด้านหน้า มีผลต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขน อาจทำให้มืออ่อนแรงหรือชาได้ นอกจากนี้ยังมีผลต่อหลอดเลือด ที่ไปเลี้ยงสมอง เพราะถ้ากระดูกคอผิดรูป จะทำให้กล้ามเนื้อคอเกร็ง และจำกัดการไหลเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เป็นสาเหตุของการอาการปวดศีรษะหรืออาจทำให้เป็นไมเกรนเรื้อรังได้
3. การนั่งหลังงอ/นั่งหลังค่อม
เช่นการอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานๆ เป็นชั่วโมง จะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งค้าง เกิดการ คั่งของกรดแลกติค ทำให้มีอาการเมื่อยล้า ปวด และมีปัญหาเรื่องกระดูกผิดรูปตามมา
4. การนั่งเบาะเก้าอี้ไม่เต็มก้น
การนั่งเก้าอี้ส่วนใหญ่จะชอบนั่งแบบครึ่งๆก้น ซึ่งส่งผลทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนัก เพราะฐานในการรับน้ำหนักตัวแคบ แต่ในทางตรงข้าม ถ้านั่งให้เต็มก้นเต็มเบาะ คือเลื่อนก้นให้เข้าในสุดจนติดพนักพิง จะทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานน้อยและเกิดการรองรับน้ำหนักตัวได้เต็มที่

5. การยืนพักขาลงน้ำหนักด้วยขาข้างเดียว
การยืนที่ถูกต้องควรลงน้ำหนักที่ขาทั้ง 2 ข้างเท่าๆกัน โดยยืนให้ขากว้างเท่า สะโพกจะทำให้เกิดความสมดุลของโครงสร้างร่างกายไม่ทำให้กล้?ามเนื้อข้างใด ข้างหนึ่งต้องทำงานหนักมากเกินไป ในทางตรงข้าม หากยืนพักขาหรือลงน้ำหนักขาไม่เท่ากัน จะทำให้กระดูกเชิงกรานบิดเบี้ยวส่งผลให้กระดูกสันหลังคด
6. การยืนแอ่นพุง/หลังค่อม
ควรยืนหลังตรงแขม่วท้องเล็กน้อย ขณะยืน เดิน หรือนั่ง ให้พยายามแขม่วท้องเล็กน้อยโดย ให้มีสติรู้สึกตัวอยู่ตลอด หากเป็นไปได้ควรทำตลอดเวลาเพื่อเป็นการรักษาแนวกระดูกช่วงล่างไม่ให้แอ่นและทำให้ไม่ ปวดหลัง
7. การใส่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่ง
จะทำให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ ซึ่งจะนำมาสู่อาการปวดหลังและการมี โครงสร้างร่างกายที่ผิด
8. การสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว
ไม่ควรสะพายกระเป๋าข้างใดข้างหนึ่งต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนเป็นการถือ กระเป๋า โดยใช้ร่างกายทั้ง 2 ข้างให้เท่าๆกัน อย่าใช้แค่ข้างใดข้างหนึ่งตลอด เพราะจะทำให้ตัวคุณต้องทำงานหนักอยู่ เพียงซีกเดียว ส่งผลให้กระดูกสันหลังคดได้
9. การหิ้วของด้วยนิ้ว
การใช้นิ้วหิ้วของหนักบ่อยๆ จะมีผลทำให้มีพังผืดยึดตามข้อนิ้วมือ เพราะจริงๆแล้วกล้ามเนื้อในมือ เป็นกล้ามเนื้อมัดเล็ก หน้าที่หลักคือการใช้หยิบ,จับโดยไม่หนัก แต่หากต้องใช้จับหรือหิ้วหนักๆ จะทำให้เส้นเอ็นมีการ เสียดสีและเกิดพังผืดในที่สุด ยิ่งหากหิ้วหนักมากๆ จะทำให้รั้งกล้ามเนื้อมัดอื่นๆ และเกี่ยวโยงไปถึงกระดูกคอ ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งมากกว่าปกติ มีผลต่อการทรุดของกระดูกและกดทับเส้นประสาทได้
10. การนอนขดตัว/นอนตัวเอียง
ท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ถูกต้องที่สุด ควรนอนให้ศีรษะอยู่ในแนวระนาบขนานกับ เพดานไม่แหงนหน้าหรือก้มคอมากเกินไป หมอนหนุนศีรษะต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป ควรมีหมอนรองใต้เข่าเพื่อลดความแอ่นของกระดูกสันหลังช่วงล่าง หากจำเป็นต้องนอนตะแคง ให้หาหมอนข้างก่ายโดยก่ายให้ขาทั้งหมดอยู่บนหมอนข้าง เพื่อรักษาแนวกระดูกให้อยู่ในแนวตรง
ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/28878.html
กายบริหารหน้าคอมพิวเตอร์กันเถอะ((6))
ผลร้ายที่ตามมามีมากขนาดนี้ คงต้องเรียนรู้วิธีกายบริหารง่าย ๆ ทำได้ที่หน้าคอมพิวเตอร์กันหน่อย

เริ่มจากท่ายืดแขน เพียงประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน หงายฝ่ามือขึ้นฟ้า ยืดแขนตั้งเหนือศีรษะ หลังตรง และเอียงลำตัวไปทางซ้าย ค้างไว้ 2 วินาที ก่อนสลับไปทางขวา ค้างไว้เช่นเดียวกัน ทำสลับไปมา 2 รอบ
ต่อด้วยท่าเอียงคอ ก้มศีรษะลง 2 วินาที แล้วเงยศีรษะขึ้นด้านบนอีก 2 วินาที ก่อนเอียงศีรษะไปทางซ้าย และทางขวา ค้างไว้ด้านละ 2 วินาที ทำสลับไปมา 2 รอบ
เปลี่ยนเป็นท่าหมุนไหล่ วางแขนเหยียดตรงข้างลำตัว ยกไหล่สองข้างขึ้น หมุนไปด้านหลัง ก่อนปล่อยลง ทำซ้ำในทิศทางตรงกันข้าม ทำสลับไปมา 2 รอบ
ไม่รอช้าทำท่าเอียงข้าง เพียงห้อยแขนไว้ข้างลำตัว เอียงไหล่ และลำตัว ซ้าย-ขวา สลับกัน ทำสลับไปมา 2 รอบ
จากนั้นทำท่างอข้อเท้า ให้ยกขาข้างหนึ่งขึ้นจากพื้นแล้วเหยียดตรง เหยียดข้อเท้าให้ปลายเท้าชี้ออกไปข้างหน้า งอปลายเท้ากลับท่าเดิม แล้วเปลี่ยนข้าง ทำสลับไปมา 2 รอบ
หันมาทำท่างอมือ ยกแขนข้างหนึ่งขึ้น แล้วเหยียดตรงไปด้านหน้า งอข้อมือขึ้นตั้งฉากกับท่อนแขน แล้วเหยียดลงเช่นเดิม เปลี่ยน ทำสลับไปมา 2 รอบ
สุดท้าย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา ด้วยการใช้ฝ่ามือปิดตา พร้อมกับหลับตาลง สูดหายใจเข้า-ออกลึก ๆ 8-10 ครั้ง เลื่อนฝ่ามือลง แล้วเปิดตา จากนั้นให้กระพริบตาถี่ ๆ
เมื่อรู้วิธีกายบริหารง่าย ๆ อย่างนี้แล้ว ลองเจียดเวลาเพียงนิด ยืดเส้น ยืดสาย คลายเมื่อยระหว่างการทำงาน
ที่มา: http://variety.teenee.com/foodforbrain/28925.html
วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คุณเกิดวันที่เท่าไหร่? ความรักของคุณเป็นแบบนี้หรือเปล่า เข้ามาดูกัน!! ((7))

คนรักที่เกิดวันที่1
ภายนอกดูผิด คิดว่าเจ้าชู้ แต่เป็นคนที่มีความรักความจริงจังไม่ลวงหลอกใคร ชอบเป็นผู้นำมากกว่าผู้ตาม อยากให้คนที่รักเห็นคุณค่า และให้ความสำคัญแก่ตน ถ้าไม่สนใจขอลาแน่ๆเพราะเป็นคนที่หยิ่งทะหนงไม่น้อย
คนรักที่เกิดวันที่2
มีอารมณ์ที่หลากหลาย อ่อนไหว รักง่าย โกรธง่าย อาจจะอ่านยากสักหน่อย หวาดระแวง ไม่ค่อยไว้ใจใคร หมกมุ่น โหยหาความรัก แต่มักผิดหวังอยู่บ่อยๆขนาดตัวเองเป็นคนที่มีความรักและมักเอาใจใส่ต่อผู้อื่นเสมอ
คนรักที่เกิดวันที่3
เป็นคนที่รักใครรักจริง แต่ชอบเป็นผู้นำ ชอบบงการโดยเฉพาะแฟน ใจร้อนเป็นไฟ คบแฟนทีละหลายๆคน แต่ก็มีอยู่ในใจหนึ่งเดียว มีความคิดสร้างสรรค์ ไอเดียแปลกใหม่ เพื่อนฝูงห้อมล้อมชอบสังสรรค์ มีแฟนเยอะ ชอบความตื่นเต้นแปลกใหม่ หัวใจกระชุ่มกระชวย
คนรักที่เกิดวันที่4
เป็นผู้ที่มีความคิดเห็นแปลกแยกจากสังคม อ่อนไหวมากๆ ไม่ชอบถูกใครมาตีกรอบ ตกหลุมรักคนง่าย หลงคนง่าย อยู่คนเดียวไม่ได้นาน ยอดเจ้าชู้ ชอบมองคนที่มีความเพียบพร้อม หน้าตาดี มีความคิดแจ๋วเลย ยิ่งเป็นคนรู้สึกเยอะลึกซึ้งจะชอบเป็นพิเศษ คู่ส่วนใหญ่จะมีหน้าตาดี และไม่ค่อยจะอดทนกับคนที่ชอบหึงหวง ไม่สนับสนุนความคิดตน อยากได้คนที่ดูแลเอาใจใส่
คนรักที่เกิดวันที่5
มีความเป็นมิตรสูง มีเพื่อนฝูงมากมาย มักอยู่กับกลุ่มเพื่อน บางครั้งก็แอบมองแอบชอบเพื่อนในกลุ่มจนได้เป็นแฟนกันมีข้อดีข้อเด่นคือเป็นนักวิเคราะห์นักคิดและนักพูดที่มีพรสวรรค์ อยากมีความรักที่ไม่ต้องพูดมากคนที่ดูแลคอยเอาใจใส่จะพิชิตใจคนเกิดวันที่5ได้
คนรักที่เกิดวันที่6
เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ศิลปะ ค่อนข้างอ่อนไหว มีความเป็นตัวเองสูง มีรสนิยมดี รักคนง่าย แต่ถ้าจะคบกับใครจริงๆจังๆนี่ยากหน่อย ช่างเลือกมากๆต้องการคนที่คอยเอาใจใส่ และตามใจปล่อยให้ทำอะไรตามใจได้บ้าง ถ้าให้อิสระกับเขา จะคบกันได้ยืนยาวแน่นอน
คนรักที่เกิดวันที่7
สติปัญญาดี มีความรู้หลายหลาก มีเสน่ห์ใครเห็นก็รัก ก็หลง แต่แปลกนะที่ต้องอกหัก ซ้ำรักอยู่บ่อยๆชอบอยู่เงียบๆไม่ค่อยเปิดตัว ชอบอยู่กับความเหงา ความเดียวดาย นั่งมองฟ้ามองผืนหญ้าตามประสาคนอารมณ์ศิลปิน ใครที่คิดจะมาเป็นคู่ ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเขา และห้ามคิดไม่ซื่อคิดนอกใจเด็ดขาด
คนรักที่เกิดวันที่8
มุมานะทำงานทำการ ขยันขันแข็ง จนบางทีอาจดูห่างเหินกับคนรัก เหมือนไม่ค่อยใส่ใจกัน รักใครไม่เป็น ติดเพื่อนฝูง ชอบเที่ยวกันเป็นกลุ่ม จนแฟนต้องขอเลิกเพราะขาดการเอาใจใส่ดูแลอย่างที่ควรจะเป็น ชอบคนง่าย รักใครก็จริงจัง ชอบคนที่ผ่อนคลายไม่ค่อยเครียด มีอิสระสูง ตามใจตัวเองบ้าง
คนรักที่เกิดวันที่9
ชอบคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ แต่ต้องยอมตามใจฉันนะ ฉันขอเป็นคนคิด เธอคอยเดินตามฉันก็แล้วกัน คนที่เกิดวันที่9เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำอยู่ในสายเลือด ชอบทำงานหนักจนแทบไม่ได้หยุดหย่อน เครียดง่าย แต่เป็นคนที่นิสัยดีน่ะ ไม่ได้มองคนที่ความสวย ความหล่อ ชอบคนที่มีอะไรมากกว่านั้น มีความคิด ความอ่าน ที่เฉียบคม นี่ล่ะใช่เลย
คนรักที่เกิดวันที่10
เป็นคนดีคนหนึ่ง คอยดูแลแทกแคร์เอาใจแฟนได้เป็นอย่างดี ไม่มีขาดตกบกพร่อง เป็นคนที่มีความเชื่อมั่น คิดอะไรทำอะไรด้วยตัวเองเสมอ มีความจริงจัง ทำอะไรต้องสำเร็จ แต่ก็มีบางครั้งนะที่แอบมองคนอื่น แต่ก็มีเพียงคนเดียวอยู่ภายในใจ แต่ก็มีบางครั้งที่ดูเหมือนคนที่เห็นแก่ตัวไม่สนใจใครทั้งนั้น
คนรักที่เกิดวันที่11
ใครๆก็ชอบคนที่เกิดวันนี้ เพราะเขามีความอ่อนโยน รักใครๆได้อย่างจริงใจทั้งเพื่อนและแฟนไม่คิดร้ายกับใคร รักความสงบ แต่เมื่อมีปัญหากับคนรักกลับไม่ค่อยกล้าที่จะพูดคุยเปิดเผยความในใจ เพราะคาดหวังสูงในเรื่องแฟน อยากให้เธอทำความเข้าใจเอง ช่างคิด ขี้น้อยใจ และขึ้หึงไม่ใช่เล่น
คนรักที่เกิดวันที่12
มีเสน่ห์ต่อผู้พบเห็น บุคลิกดีเด่นเป็นที่รักของเพื่อนฝูง แต่เจ้าชู้ไม่เบาเลยนะ ควงคนโน้นที คนนี้ที เปลี่ยนรักเหมือนเปลี่ยนรถ เห็นหัวใจคนเป็นของเล่นหรือไงน่ะ รักใครทีละหลายคน แบ่งห้องหัวใจได้ไม่จำกัด แต่ก็มีใจมั่นคงกับคนในดวงใจเหมือนกันนะ ถ้าเขาคนนั้นคือตัวจริง
คนรักที่เกิดวันที่13
มองผิวเผินเขาเหมือนคนที่วางตัวสบายๆมีอิสระ มีความคิดที่ไร้กรอบ แต่ความเป็นจริงนั้นเขาค่อนข้างพิถีพิถันมีวินัยในการใช้ชีวิตมากเลยทีเดียว มีความรักมากกว่า3 ครั้งน่ะ ต้องเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ชอบคนที่จริงจังกับชีวิตเหมือนกัน
คนรักที่เกิดวันที่14
ชอบบริหารเสน่ห์ ไม่ชอบอยู่นิ่งๆ คุยเก่ง มีคารมคมคาย แต่เครียดง่ายเหมือนกันนะ จะมีแฟนเยอะคบทีละหลายคน เพราะเป็นคนที่สบายๆเข้ากับคนง่าย มีความสนุกสนานร่าเริง หว่านเสน่ห์เสมอๆ เมื่อมีโอกาส
คนรักที่เกิดวันที่15
มีความเป็นเด็กอยู่ในตัว ชอบเล่นอยู่ในกลุ่มที่มีอายุน้อยกว่า แต่ไม่ได้คิดจะมีแฟนเด็กนะ แต่ถ้าเด็กคนนั้นมีความคิด ความอ่านดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุก็ไม่แน่เหมือนกัน ส่วนใหญ่คนที่มีอายุน้อยกว่าก็ชอบมาปิ๊งเหมือนกัน แต่ก็จะไม่ชอบตอบง่ายๆหรอก สเปกของเขานะมีอยู่ ต้องมีความชอบในศิลปะมีจุดยืนอุดมการณ์ ช่างคิด มองโลกแบบไม่ค่อยเครียด ร่าเริง
คนรักที่เกิดวันที่16
มีโลกส่วนตัวสูง แต่ก็อยากมีความรักน่ะ ทั้งๆที่
เวลาอยู่ในช่วงชีวิตที่สดใส มีความรัก กลับรู้สึกทุกข์และดูเศร้าๆแต่ก็มีความอ่อนหวาน อ่อนไหว ค่อนข้างโรแมนติก คนที่มีอารมณ์ลึกซึ้ง ดังเช่นศิบปินจะอยู่คู่กับคนเกิดวันที่16ได้ยาวนาน
คนรักที่เกิดวันที่17
เป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงทุกๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน หรือการทำงาน ส่วนเรื่องแฟนนั้นถ้ารู้สึกชอบใครก็กล้าที่จะเข้าไปพูดคุยแต่เป็นคนติดเพื่อนเหมือนกันน่ะ บ่อยครั้งที่ต้องใช้จ่ายหมดไปกับเพื่อนฝูง ให้ความสำคัญกับเรื่องงานเรื่องการ นี่ถือเป็นข้อดีของคนที่เกิดในวันนี้เลยค่ะ
คนรักที่เกิดวันที่18
ฝักใฝ่ทางด้านการศึกษาหาความรู้ ถ้าเจอคนที่มีรูปร่างหน้าตาดี แต่ว่าไม่ค่อยคิดถึงเรื่องอนาคต คนที่เกิดวันที่18แบบคุณก็ไม่สนใจนะ ชอบคนที่มีความคิดแบบผู้ใหญ่ เป็นคนค่อนข้างมองชีวิตเป็นเรื่องที่จริงจัง ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และก็อยากให้แฟนคิดแบบเดียวกันด้วย ไม่ใช้ชีวิตแบบไร้จุดหมายปลายทางไปวันๆ
คนรักที่เกิดวันที่19
เป็นคนที่มีความตั้งใจจริง แกมหยิ่งหน่อยๆมีความสามารถโดดเด่น และจะเลือกแฟนที่มีหน้าตารูปโฉมดี หรือไม่ก็ต้องมีความโดดเด่นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่เอาใจใส่ใครไม่เป็น แต่อยากให้แฟนคอยดูแลตนเองแทน ทุ่มเทให้คนรักน้อยไปนิดน่ะ
คนรักที่เกิดวันที่20
ความอ่อนโยนและดูสบายๆไม่เรื่องมากทำให้ดูเป็นคนที่มีเสน่ห์ น่าสนใจ แต่กลับมีบุคลิกอีกมุมอีกด้านหนึ่งด้วย คือเป็นคนใจร้อน จะเรียกว่ามีสองคนอยู่ในร่างเดียวกันก็คงไม่ผิดนัก เปลี่ยนแฟนบ่อยๆ เพราอะไรไม่รู้ไม่ถูกใจก็ไม่อดทน เอาแต่ใจเหมือนกันนะ เวลามีแฟนก็จะเกร็งๆวางตัวไม่ค่อยเป็น เลยทำให้ชีวิตรักไม่ค่อยมีความสุขเท่าที่ควร
คนรักที่เกิดวันที่21
มีอารมณ์ร่าเริง สนุกสนาน ฉลาดเป็นกรด ชอบเฮฮากับเพื่อนฝูง ค่อนข้างจะเจ้าชู้ มีคนที่ดูๆกันอยู่หลายคน บางครั้งก็ทำให้เกิดอาการมึนตึ้บ ทำอะไรไม่ถูก ก็แฟนมันเยอะน่ะ ?ีแต่คนที่ถูกใจทั้งนั้นเลยเลือกไม่ถูก ถ้าเกิดรีบร้อนแต่งงาน รับรองว่าเกิดปัญหาแน่ ดังนั้นดูให้ดี ดูให้แน่ใจก่อนน่าจะดีกว่าน่ะ
คนรักที่เกิดวันที่22
มองไปข้างหน้า มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนคิดทำอะไรๆอย่างมีสติ จะชอบคนที่มีอะไรในตัว โดดเด่นดูดีมีความสามารถ มองหารักแท้ มองหาคนที่จะมาร่วมแบ่งปัน ร่วมชีวิตกันอย่างยาวนาน ไม่อยากรักกันเล่นๆ รักแบบทดลอง แต่ก็ยังไม่พร้อมเรื่องการสร้างครอบครัว แต่งงานมีลูก เป็นครอบครัวในฝันแบบคนทั่วๆไป
คนรักที่เกิดวันที่23
เป็นคนชอบเที่ยว ชอบไปกับเพื่อนๆ สนุกสนานเฮฮากัน แต่ภายในใจก็คิด และเครียดกับชีวิตพอสมควร แต่เรื่องคู่เรื่องแฟนไม่น่าเป็นห่วง เพราะเป็นคนคุยเก่ง เจ้าคารมไม่เรื่องมาก คุยกับใครก็เป็นที่ถูกอกถูกใจ ต้องเพิ่มความอดทนเข้าไปอีกหน่อย จะได้ไม่ต้องอกหัก บาดเจ็บจากความรัก
คนรักที่เกิดวันที่24
เป็นผู้ที่มีเพื่อนฝูงคนรองข้างต่างชื่นชม รักใคร่ เพราะความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ แบ่งปัน แชร์ความรู้สึกกันได้ แต่ก็หลงตัวเองเล็กน้อย ชอบให้คนมาคอยเอาใจ พูดคำหวานๆ ฟังแล้วมันรื่นหูดี ชอบเป็นช้างเท้าหน้า บงการแฟน และโชคดีที่ได้คนรักที่ดี แต่ตนเองก็ยังไม่รู้สึกพอใจ ใฝ่ฝันหาคนที่สมบูรณ์แบบตลอดเวลา
คนรักที่เกิดวันที่25
เป็นคนที่เด่นด้านความรู้สึกนะ ทั้งเรื่องแฟนและชีวิตการงาน รักเพื่อนอย่างจริงใจ ลึกซึ้งในความสัมพันธ์ แต่มักจมในความเศร้า ความทุกข์ เหตุผลนะหรือก็เพราะเป็นคนที่จริงจังมากเกินไปไง ไม่ได้เกิดจากอาการอกหัก หรือซ้ำรักแต่ประการใด รู้ไว้เลยว่าโลกนี้มันไม่สวยงาม อย่างที่คิดหรอก อะไรที่มันแย่ก็ต้องปล่อยวาง อย่าซีเรียส เหรียญมันยังมีสองด้านเลยจริงไหม
คนรักที่เกิดวันที่26
มีแบบแผน มีระเบียบ ทำงานเป็นระบบ มองหาความรักที่ยาวนาน เป็นครอบครัวที่มีความสุข แต่ช่างเลือก แม้ดูเหมือนจะเป็นคนที่ชอบคนง่าย ต้องเรียนรู้กันไป ผิดหวังบ้าง ก่อนที่จะเจอความรักที่จริงแท้ มั่นคงในภายหลัง
คนรักที่เกิดวันที่27
มีความปราดเปรื่อง รอบรู้หลายด้าน โดดเด่นในสังคม ชอบคนเก่ง คนที่มีความสามารถจะพบรักหลายครั้ง เพราะความรู้สึกที่ไว อ่อนไหวง่าย แต่ไม่ชอบคบกันเล่นๆ แบบกิ๊ก อยากได้คนที่พิเศษ คอยดูแลรักกัน จริงจัง มองเห็นอนาคต ไม่ใช่แค่ถูกใจกันไปวันๆรักกันไปงั้นๆ
คนรักที่เกิดวันที่28
มีความเป็นผู้นำสูง มีแฟนก็ชอบขีดเส้นทางหแฟนเดินตาม ต้องเชื่อฟัง คอยทำตามทุกอย่าง ความรักราบเรียบ ไม่ร้อนแรง บางทีอาจมีกิ๊ก แต่ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะมั่นคงในความรักกับคนเพียงคนเดียว
คนรักที่เกิดวันที่29
เป็นคนอ่อนน้อม ถ่อมตน ชะตาความรักมักมีอารมณ์มาเกี่ยวข้องเสมอ ช่างรู้สึก เอาแต่ใจ ประมาณว่ารักมากก็หวังมาก ทุ่มเทให้ความรักอย่างหมดตัวหมดใจ จึงเกิดอาการบาดเจ็บได้บ่อย อาจแค่เจ็บๆคันๆจนถึงอาการสาหัส
คนรักที่เกิดวันที่30
มีจินตนาการสูง เสน่ห์เหลือร้าย ดูมีความมั่นใจ ฉลาดแต่บางครั้งก็สนุกสนาน ไร้สาระแบบเด็กๆบ้าง เดี๋ยวดี เดี๋ยวเครียด ยากเกินเข้าใจ มองความรักเป็นเรื่องที่สวยงาม เป็นยาชูกำลัง แต่ก็ยังไม่พร้อมจะมีความรัก
จริงจังกับใครไม่เป็น
คนรักที่เกิดวันที่31
คล้ายๆกับจะเป็นคนที่มีจุดหมายในชีวิต แต่จริงๆแล้ว ก็ขาดความมั่นใจมากๆ ไม่กล้าที่จะคิด และตัดสินใจ กล้าๆกลัวๆยังไม่นิ่ง ไม่จริงจังกับอะไรนัก ความรักจึงดูไกลตัว ดูไม่จริงจังสักเท่าไหร่
เครดิต:http://variety.teenee.com/foodforbrain/28272.html
วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
80 เรื่องของพ่อหลวงไทย ที่คนไทย(อาจ)ยังไม่เคยรู้ ((9))
เมื่อทรงพระเยาว์
1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรก
ประสูติ 6 ปอนด์
3พระนาม"ภูมิพล"ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระ
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพล
อดุลยเดช
5ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6ทรงเคยเป็ นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระ
ชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี
มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า "H.H Bhummibol Mahidol"
หมายเลขประจำตัว 449
7ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดา
ว่า"แม่"
8สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้
ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่
นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพ
อย่างใหญ่โต
11สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้ง
ชื่อให้ว่า"บ๊อบบี้"
12ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่
เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจา
กันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรอง 3 ที มากเกิน
ไป 2 ทีพอแล้ว ระหว่างประทับอยู่ ส วิตเซอร์แลนด์ โดยระหว่าง
พี่น้องจะทรงใช้ภาษษฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
14ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก"การให้"โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า"กระป๋องคนจน"หากทรงนำเงินไปทำ
กิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก"เก็บภาษี"หยอดใส่กระปุกนี้ 10%
ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินใน
กระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า
หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
15ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน
เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า"ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ
ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน"
16กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget
ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
17ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทน
รถพระที่นั่ง
พระอัจฉริยภาพ
18พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก"การเล่น"สมัย
พระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไร ต้องทรงเก็บสตางค์
ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับ พระชษฐาน
ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ
แล้วแบ่งกันฟัง
19สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิ
ประเทศ
ของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่
ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้
ทรงเล่นเป็น จิ๊กซอว์
20ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน
แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง
(แอกคอร์เดียน)
21ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา
ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดย
ใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
22ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
23ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา
18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ"แสงเทียน" จนถึงปัจจุบัน
พระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
24ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้อง
ใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย
ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้น
เดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง"เราสู้"
25รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร :
เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
26นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่าย
ภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออก ฉายแล้ว
นำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ
โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
27ทรง พระราชนิพนธ์เรื่อง"นายอินทร์"และ"ติโต" ทรงเขียน
ด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่พระมหาชนก ทรงพิมพ์
ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
28ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการ
แข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยน
ชื่อเป็น"กีฬาซีเกมส์")ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
29ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับ
ฝั่งตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่น
ไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่
ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
30ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับ
สิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่
ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ "กังหันชัยพัฒนา" เมื่อปี 2536
31ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการ
เกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,
ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลา
กว่า 20ปีแล้ว
32องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุด
ด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม
2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้าน
การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดย
มี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมา
ถวายรางวัลด้วยตนเอง
เรื่องส่วนพระองค์
33พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา
มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
34รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิส
เซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ
ทรงให้สัมภาษณ์ว่า"น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ
เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จ
มาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
35ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรส
เหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไป
ทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
36หลังอภิเษกสมรส ทรง"ฮันนีมูน"ที่หัวหิน
37ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ใน
พระบรมมหาราชวัง เมืองวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับ
จำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
38ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
39ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ต้องแบรนด์เนม
ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง
อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
40เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ
เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
41พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพล
เพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบ
แก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
41หลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ
โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจน
ถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทน
ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
42วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต
มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้าแม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่
หลับจึงเสด็จฯกลับ ถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า
สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล
เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบ
ที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมา
น้ำพระเนตรไหลนอง
งานของในหลวง
43โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมี
จำนวนกว่า 3,000 โครงการ ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานที่ต่างๆ
จะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรง
ทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอ
ที่มียางลบ
44ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่ง
การโรเนียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้อราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่
เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก
ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อ
ทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการ
และราษฎรทั้งกลางสายฝน
45ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยม
วิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง
เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
46โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วน
พระองค์จำนวน 32, 866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือ
ดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็น
โครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
47เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวน
จิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง
เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
48ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรง
เหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า "ความจริงมันน่า
ท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้
เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือ
บ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
49ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรง
กำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง
(20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้ง
คอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้า
ประเทศ พระองค์จะได้ดูจอมอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้
ช่วยเหลือทัน
ของทรงโปรด
50อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า
ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
51ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังช่าย
52ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
53ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกใน
ประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดา
เป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
54เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวย
วันหนึ่งหลายครั้ง
55ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี
เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
56ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์
ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
57หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวง
จะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ
และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก
เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
58ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ
ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้ง
แต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย
นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้
ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
59ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บน
ชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร
ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร
คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์
แผนที่ ฯลฯ
60สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด
สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว
ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
รู้หรือไม่ ?
61ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ว่า "นายหลวง" ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
62ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ
เยอรมัน และ สเปน
63อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสาร
สำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า
"ทำราชการ"
64ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชน
กับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา
ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้าง
ซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน
ชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
65ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า
แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำ
ด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า"อันนี้
ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก"
66ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง
จนกระทั่งกุด
67หัวใจทรงเต้นไม่ปกติด ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจ
เต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยม
ราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
68รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษา
ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา
ฟอนต์ภูพิงค์
69ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค
มีประชาชนเข้าชมรวม 6 ล้านคน
70ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493
จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระ ราชทานปริญญาบัตร
490ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน
470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนัก
ทั้งหมด 141 ตัน
71ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
72สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
73นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถ
คนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถ
ยาวเหยียด
80พระราชประวัติในหลวง ฉบับการ์ตูน
เครดิต:
http://blog.eduzones.com/rangsit/49942
AuDiTiOn รู้ทันออดิชั่น อ่านกันประดับหัว ((10))

2.โหมด Dance Com 8 ขึ้นชื่อว่าแปดทำไมยังมี 4 ปนมาอยู่
3.NPC โหมด Battle Party ถ้าเอาคะแนนหารด้วย 5 จะเป็นคะแนนจริงๆ ของ NPC
4.คนเต้นจริงๆ ต่อให้เทพแค่ใหนก็ยังมีมิส แต่ทำไม NPC ไม่ยักจะเคยมิส
5.หากไม่มีโหมด Battle Party คุณจะหาตังจากใหนไปซื้อเสื้อผ้าแพงๆ
6.โหมด Union ใน Dynamic NPC จะเต้นทุกท่า ไม่ว่าจะเป็นฟรีสตาย เหมือนกันหมด มันตกลงกันเต้นใว้แล้วหรอ?
7.NPC ที่มีหลายๆ ตัวไม่ว่าจะเป็น Story หรือ Union เต้นพร้อมเพรียงกันมากๆ ถึงแม้จะกดต่างกัน แต่ทำไมคนเต้นไม่พร้อมกัน
8.ทำไมเพลงในโหมด Ballroom ถึงไม่มีให้ฟังใน Music Maill แต่ขณะที่เพลงในโหมดอื่นๆ เช่นบีท ดันมีให้ฟัง
9.ใน Lobby ไม่เคยมีห้องหมายเลข 100 เลย
10.หากคอมช้าๆ แล้วเข้า Fashion Mall แล้วเลื่อน Scroll เสื้อผ้าไปๆ มาๆ จะเด้งว่า ตรวจพบ Speed Hack ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้
11.ลูกศรของทุกเลเวล มีลูกศรแดงปนมาด้วย แล้วแค่จะเลือก แต่ทำไม Finish Move มีแค่ 1 ตัว
12.โหมดบีทอัพ สามารถใช้ปุ่ม Ctrl,Ins,0,5 แทน SpaceBar ได้ แต่โหมดอื่นไม่มี ไม่ทราบว่าจะใส่มาทำไมเยอะแยะ
13.ขณะที่ชมอยู่ เมื่อกดเล่นแล้ว เมื่อเราไม่ได้เล่นแต่ชมอยู่ แล้วเกมจะปิด Num Lock ทำไม
14.ทำไมเสื้อเดนราคาถูกๆบางตัว ถูกมาก แต่สวย โหล(ใส่กันเยอะ)และสวยกว่าเท่กว่าชุดแพงๆอีก
15. โหมด beat up 8 มีลูกศรให้กดแค่ 6 ตัว
16. คนเลเวลสูงๆมักจะถูกมองว่าเก่ง ทั้งๆที่บางคนไม่เคยสอบเองเลย
17. คนสวยๆหล่อๆในเกมจะมีคนจีบเยอะ ส่วนคนไม่สวยไม่หล่อก็ไม่ค่อยมีคนอยากจะคุยกะจีบ ทั้งๆที่ความสวยความหล่อมันมาจากการเติมแคช หาใช่ความสวยหล่อจริงๆไม่
18. NPC ใน สตอรี่โหมดมีแต่ชื่อ PJ แถมบางภารกิจมีแฝด NPC ตัวที่ชนะก็จะกอดอกทำท่าชนะ แล้วมันก็ทำท่าเอาเท้าเขี่ยๆดินแพ้สลับกันไป เพราะฝาแฝดมันแพ้ มันคงสับสนในตัวเองว่าชั้นควรจะดีใจหรือไม่
19. โหมด special B-Boy เวลาเล่น1-1 จะมีลูกศรมาให้ 3 แถว แต่กดได้จริงๆแต่แถวเดียว
20. คุณจะเล่นทั้งวันทั้งคืน แรงดีไม่มีตก ไม่มิส แถมไม่พักนานเกิน 3วิ และไม่มีทางโดนแบน ตราบใดที่คุณจ้างใครสักคนมานั่งเฝ้า คอยพิมพ์ตอบเวลา PJ เข้ามาในห้อง!!
21.หลายคนปากบอกว่า"ต่อต้านโปร" แต่พอจะเก็บตังค์กลับตั้งห้องว่า"ขอโปร"
22.โหมดที่เล่นแล้วคุ้มๆกลับไม่ค่อยมีคนเล่น เช่นวันทู เล่น6คนแล้วที่1 จะได้3ร้อยอัพ ส่วนบอลรูมสลับคู่(หรือสวิงกิ้ง)ได้ตังค์เยอะที่สุด
23. ใน NPC Union โปรก็ทำให้คุณแพ้ NPC ตัวง่ายได้อย่างราบคาบ เพราะดันเต้นไม่พร้อมกัน คะแนนโปรไม่ขึ้นไม่พอ แถมคะแนนคนกดเองก็ยังไม่ขึ้นอีก กรรมของเวร 555
24. ถ้าคุณเล่นโหมด Di-4 ในห้อง 6 คน ถ้าคุณเป็นคนสุดท้ายที่กด ฟีสไตล์ ก่อนมูฟคุณจะพบว่ามูฟของคุณเป็นสีส้มของแปดทิศทั้งๆท ี่มันเป็น 4 ทิศ (ไปลองดูกันดิ จริงๆนะ)
25. เวลาเมจเสจเน่า คุณจะรู้สึกเหมือนกับถูกตัดขาดกับโลกของออดิชั่น(ติด ต่อใครไม่ได้ซักกะคน)
26. ถ้าคุณคอมโบเกิน 4 มากกว่า 2 ครั้งขึ้นไปคุณจะถูกหาว่าบอท
27. ผู้ชายส่วนหนึ่งจะถูก ช ในร่าง ญ ที่แต่งตัวดีหลอกให้รักหัวปักหัวปำ
28. เวลาตั้งชื่อห้อง [[[[[[[[[[[[[[[[[[[[[[ เยอะๆ มันจะขึ้นอะไรให้ก็ไม่รู้
29. ถ้าทั้งห้องเวลไม่เกิน 10 แล้วเวล 20 อัพไปเจ๋อจะโดนเตะอย่างไม่ต้องสงสัย
30. เวลาตั้งห้องว่าไม่รับโปร ขอฝีมือ โปรมันก็ดั๊นโผล่มาอยู่เรื่อย
31. ถ้าจะทำเควช แล้วตั้งห้องว่าทำเควช คนมักจะเข้ามาถามว่าเควชคืออะไรจนคุณทำไม่ผ่าน
32. ถ้าจะตั้งห้องทำเควช ถ้าคุณไม่มีอีเว้น คุณต้องรอชาติเศษๆในการหาคนให้ครบตามจำนวน
33.การแต่งงาน2/3มักจะเป็นในเกมส์ 1/3จะเป็นคนรู้จัก
34.เวลาคุณจะโทรศัพท์หาใคร หากคุณเล่นเกมส์นี้นานเกิน1ปี 1/2จะเป็นคนในเกมส์
35.หลายคนคิดว่าโลกในเกมส์คล้ายโลกแห่งความจริงไปทุก ทีๆ แล้วทำไมเวลามีแฟนมันเลิกกันง่ายจัง
36.ทำไมเพลงบางเพลงที่เร็วๆได้ถึงไม่เร็ว-*-(ขอไปขอให้ได้ซักเพลงเหอ)
37.แพทแต่ละครั้งทีมา มักมาพร้อมกับแมลง
38.เวลาคุณจะเข้าห้องไปห้องใดห้องนึง ส่วนมากต้องเช็คเลเวลมากกว่าชื่อก่อนเข้า
39.ถ้าคุณไม่มีอะไรจะทำ สิ่งที่คุณจะทำส่วนใหญ่นอกจากแชทเพื่อนคือเล่นโหมดที ่ไม่ค่อยชอบหรือโหมดที่ชอบคนเดียว
40.เวลาเต้นบอลรูมทำไมอยู่ข้างล่างต้องปิดเสื้อผ้า แต่พออยู่ส่วนผู้ชมกลับเห็นทั้งหมดเลย
41. ถ้าตั้งห้องบอกว่าขออ่อนๆๆพวกเก่งๆจะเข้ามาแจมแกล้งค นอ่อนหัวห้องคนนั้นทันทีแล้วบอกว่าตัวเองเล่นไม่เป็น ทั้งๆเวลสุงเป็น สิบๆๆเท่าของหัวห้อง^^ขำๆ
42. ทำไมตอน Miss ในโหมด Di-4,8 ต้องเกาหัว ทำไมโหมดอื่น ไม่มีบ้าง มัวแต่ยืน เคารพธงชาติ
43. คนบางคนเต้นไม่ได้ก็โทษว่าแลคทั้งที่มันเต้นพร้อมกัน ก็บอกไปเลยว่าเต้นไม่ได้
44. ทำไมตอนมิสก็บอกว่าแดงผิด(เสมอ) เมื่อแดงไม่ได้ก้ไม่ต้องแดงเดะ
45 ทำไมเวลน้อยชอบโปร เพราะไม่กลัวถ้าโดนแบนก็สมัครใหม่ (จิ๊บๆๆ)
46. ทำไมๆออดิชั่นต้องเน่าอะไรสักอย่าง ไม่งั้นก็มีโรคเลื่อนมาประจำ (โรคร๊ายแรงมาก)
47.โหมด Beat Up จะเพอได้ง่ายกว่าโหมดอื่น ในขณะเดียวกัน Ballroom เพอยากกว่าโหมดอื่น
48.เลเวล 1 กด 1 ครั้ง เลเวล 3 กด 3 ครั้ง เลเวล 9 กด 6 ครั้ง แต่ทำไมเลเวล 11 กด 3 หรือ 4 ครั้งเอง
49.โหมดวันทูหาเล่นยากมาก
50.บางครั้ง เล่นบ้าน แต่ได้ IP Bonus ก็มี
51. 90% ของผู้เล่นใหม่ๆ เวลามิสมักจะพูดว่า กำ อิอิ กำมิส กำผิด กำอด ฯลฯ
52.ผู้เล่นออดิชั่นที่เป็นเพศหญิง(ส่วนน้อยส่วนมากไม ่รู้-_-)มักจะตั้งMSGว่าให้เพื่อนกระซิบได้เท่านั้น
53. ::อันนี้สำหรับผู้หญิง:: ทำไมพวกเวลน้อยๆชอบเข้าห้องพวกที่เวลสูงๆ(เก่งนั่นเอ ง)แล้วบอกว่าเราไม่เก่ง -_- ส่วนพวกเวลน้อยๆที่ไม่ค่อยหน้าสาก(ด้าน =_=) จะดูข้อมูลห้องก่อนเลย จะดูเวลก่อน ถ้าเวลสูงกว่าตัวเองมากกว่า2-3เวลขึ้นไปจะไม่เข้า แต่ถ้ามีไอเทมพรีเมี่ยม(ที่ใช้ดูข้อมูลนักเต้นตรงล็อ บบี้หรือส่งข้อความไรประมาณนั้น)จะดูว่าถ้าเวลเท่ากั นหรือห่างกันนิดหน่อยจะดูที่การแต่งตัว(เอาแล้วสิ?) ถ้าเขาแต่งตัวดีกว่าตัวเอง(สวย...)จะไม่เข้าไปเฉียดเ ลย (คงคิดว่าฉันต้องเริ่ดสุดในห้องเท่านั้น =_=a)
54. เซิฟไทยไม่ได้แก้บั๊ก ผู้ญ รับดอกไม้งานแต่งงานได้เท่านั้นหยอ เห็นเดี๋ยวนี้ ชก็ได้ดอกไม้
55. วันทูไม่มีแดง
56. ทำไมวันทูไม่มีจังหวะติดแบบบีทอัพบ้าง
57. เมื่อไม่มีคนเล่นวัน ทู ปาร์ตี้ ก็ตั้งชื่อใหม่ให้ดูดี วัน ทู ปาเข้ใส่เยย
58. เห็นมีโปรทุกโหมด แน่จิงโปรวัน ทู ปาเข้เดะ...( อิอิ )
59. เล่นโหมด Dance Battle บอกให้กดเหมือนกันก็ไม่ฟัง เค้าฟังภาษาไทยไม่ออกกันหรอ
60. เวลามิสต้องบอกว่ากำ กำทุกทีเจ๊บมือมะ ( อิอิ )
61.กรรมเป็นภาษาเชยสำหรับเกมส์ไปแล้ว
62.เวลาคุณกำลังซื้อของคุณมักจะเติมแคสก่อนซื้อเสมอๆ
63. ก่อนเติมแคลชก็ต้องมีตังงง เอาตังมาจากไหนก็แบร่มือขอแม่อะเดะ
64. ทำไมๆๆคนเข้าเกมมาปุ๊บก็บอกหัวห้องว่า กดดดดดด (มันจะรีบไปไสของมัน)
65. โรคเด้งของคนกดก่อนก้อมีอยู่~~~
66. ต้องหงุดหงิดเสมอ เมื่อจะกดเครซี่4 เพลง 170+ ให้ได้ตลอดช่วง แต่กลับเจอท่า.. 68828228282 ก่อนฟิน..
67.บอทต่างประเทศมีโหมดเพิ่มแล้ว คือโหมดวันทูปาร์ตี้
68.โปร แก้ Data ไม่สามารถแก้ให้วันทูปาร์ตี้ออกมาจังหวะเท่ากันได้(ถ ึงเท่ากันแต่กดถูกตามที่แก้ไปก็จะมิส)
69. ทำไมเพลง 3254 Techno Party ในบางช่วงของเพลงเสียงผู้หญิงจะร้องว่า " ทรี ทู โฟร์ ไฟว์ "(3245)วนไปวนมา แต่มาดูชื่อเพลงเดะ 3254 Techon party แล้วทำไมมันไม่เป็น ทรี ทู ไฟว์ โฟร์ ล่ะ จิงม้า ม๊า.......
70. ทุกวันนี้ การใช้เงินเพียง5บาท เพื่อประกาศความเกรียนให้โลกรู้ แต่หารู้ไม่ว่าประกาศไปกี่ครั้งแล้ว
คุณก็ยังพยายามเติมเงินเพื่อที่จะใช้มัน ทั้งๆที่บ้านไม่มีอันจะกิน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
71. พอเข้าห้อง N หัวห้องจะถามว่า "โปร/บอท ไหม" พอว่าไม่ ดับเบิ้ลคลิกตัวเราทันที
72. ผู้ชายแปลกหน้าไม่รู้จักชอบมาถามผู้หญิงว่า
ชายถาม " สวัสดีครับ/ชื่อไรครับ/อยู่จังหวัดไรครับ/อายุเท่าไรครับ/มีแฟนยังครับ "
หญิงตอบ" สวัสดีค่ะ/ชื่อXXXค่ะ/อยู่จังหวัดXXค่ะ/อายุ XX ค่ะ / มีแล้ว,ไม่มี ค่ะ "
73.ทำไมรูปตอนที่เริ่มเกมในโหมดUnionBattlePartyถึงม ีแต่ผิวสีเหลือง
74.ในCoupleInfoตรงWinBallRoomกับWinCoupleทำไมถึงได ้0ตลอดเลย เอาไว้ทำอะไรก็ไม่รู้
75.ทำไมโหมดBallRoomถึงไม่มีให้หมั้นกันบ้างหละ มีแต่โหมดCouple
76.เวลาดูข้อมูลคู่เต้นที่หน้าล็อบบี้แล้วพิมพ์คำสั่ งหน้าตา แล้วหน้าตาก็ไปทับแฟนของเราเฉยเลย ลองดูสิ
77. เวลา battle party NPC คูณไปซัก 7 ทุกคนในห้องก็จะพูดว่า กำๆ แร้วก็ miss
78. ทามไมเวลา npc คูณเยอะ ชอบมีคนพูดว่า ใครถอดแดงวะ
79. พอจบเพลงเราได้ที่ 1 ภาพตัดกลับมาห้องรอเต้น ที่ 2 จะกด ready ทันที
80. ถ้าตั้งชื่อห้องว่า อ่อน คนมักจะเต็มห้องทันที
81. พอจะตอบกระทู้นี้ ทุกคนต้องย้อนกลับไปดูว่า มันข้อที่เท่าไรแร้ววะ
82.ช่วงเวลาเล่นเพลงไหนซักเพลงอะถ้าไม่เลือกให้ดีจะเ จอเพลงที่ไม่ชอบได้ คนส่วนใหญ่จึงแรนดอมไว้ช้าๆเพื่อจะได้เจอเพลงเพาะๆ
83.เพลงเร็วส่วนใหญ่ถ้าจะไว้พิสูจน์บอทมักจะใช้ 190 Love Mode ฟรีสไตล์
84. เข้าไปเล่น คุณมักจะเจอ.. คนพูดว่า "ไม่ได้เล่นนาน" อืม คือเจอบ่อยแฮะ แบบ เจอคนไม่ได้เล่นออดิชั่นนานแล้วบ่อยจังเลย - -" ก็เข้าใจว่าไม่ได้เล่นนาน
85. ทำไมไฟล์ acv ถึงยังแฮกฯ กันได้อีก - -
86.พอเราไม่ได้เล่นนานแล้วเข้าไปในห้องเกิดโชว์เทพขึ ้นมา เค้าไม่หาว่าเราบอทก็อาจจะเตะเรา
87. ทำไมไม่มี Tutorial บอกวิธีกดแดงหดแถบของบีทอัพบ้าง? แล้ว Tutorial แนะกด 5 กับ สเปซบาร์ ของวันทูอีก คนเล่นใหม่ๆ ก็ไม่เข้าใจกันได้อีก
88.แพทที่แก้บัค มักจะเอาบัคมาด้วย
89.แพทเพลงมักไม่ต่ำกว่า 10mb
90.ทำไมไม่มีวันทู 8 ทิศ
91. ความสูงของตัวละคร กำหนดที่รองเท้า
92. ยกศักดิ์ตัวละครดูเหมือน กำหนดสิ่งที่อยู่บนหัว.. (แหวน สตอรี่ ฯลฯ)
93.ทำไม npc ไม่มีเลเวล แต่ class เป็น World Star
94.ทำไม npc ใน union แต่งตัวเหมือนกันหมดเลย ทั้งๆที่ชื่อไม่เหมือนกัน
95.ทำไม ระบบบ้านส่วนตัวไม่เปิดไห้ใช้เลย แต่กระทั้งเกาหลีก็ยังไม่เปิดไห้ใช้
96.ทำไม คนถึงชอบมองคนที่แต่งตัวดีมากกว่าเลเวล?!?!!
97.ทำไม ไม่แก้ตรงบีท 8 เป็น 6 ซะที (หรือจะไห้กด 8 กะ 2 ด้วย 555+)
98.ทำไม เวลาคุณตั้งชื่อห้องเก็บเงิน มักมีคำว่า โปร อยู่ด้วย (อิอิ)
99.ทำไม มันมาถึงข้อนี่ได้หว่า สงสัยจะยาว อิอิ
100. ทำไมเล่นแล้วต้องง่วง
101.ในเกมส์ออดิชั่น จะมีจำนวน1/3ที่จะเล่นตั้งแต่เที่ยงคืนลงไป(เหมือนใครบางคน)
102.พอเวลาที่เพื่อนเราคุยอะไรกัน เราบอกจะไปเข้าห้องน้ำแต่ก็ชอบแอบนั่งดูตลอด
103.คนมักบอกว่าเพลง76 7นาทีเล่นแล้วทำให้หลับ แต่ทำไมส่วนใหญ่ชอบคูณกันทั้งเพลง
104. Beat Up Queen of Dancing อยู่ Lv.2
(Dance Flower Lv.3 ยังง่ายกว่าเล้ย!)
105.ทำไมเวลาเก็บเวล เรามักจะเรียกเพื่อนเรามาตอนที่เพื่อนมีธุระอยู่(โดน เอง)
106.ทำไมปุ่มChangeสีส้มคนชอบเรียกว่าแดงจังเลยในโหม ดบีทอัพ
107.ทำไมNPCไม่มีผิวขาวผิวดำเลย
108.ทำไมคนชอบใช้คำสั่งหน้าSo Sorry(/*--)กันจังเลย
109. Audition สามารถพิมพ์วรรณยุกต์บนตัวอักษรภาษาอังกฤษได้! (ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่!!)
110. คนที่เป็นแฟนกัน เวลาที่ได้เล่นห้องเดียวกัน ต้องยืน แถวหน้า หรือแถวหลัง ก็ได้ ที่ดูแล้ว มันคู่กัน
111.ทำไมบอลรูมกับคลับแดนซ์ไม่มีให้Chanceได้
112.ทำไมวันทูไม่บอกคอมโบ
113. เวลา PJ เข้าเล่นเกมก็เจอคำถามว่า นี่พีเจตัวจริงหรือค่ะ
555555+ ใครที่เล่นออดิชั่นจะรู้ว่ามันจริงทุกข้อเลยวุ้ย
เครดิต http://fws.cc/auditionzpro/index.php?topic=15.0
วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เที่ยวตลาดน้ำดอนหวาย*0*

เสน่ห์ของตลาดน้ำดอนหวาย นอกจากอาหารสะอาดสะอ้าน ของกินอร่อยถูกปากแล้ว ยังเป็นตลาดโบราณ ก่อสร้างด้วยอาคารไม้เก่าๆ ติดริมแม่น้ำท่าจีน น้ำใสสะอาด เห็นฝูงปลาแหวกว่ายกันสนุกสนาน เราเริ่มต้นเดินจากปากทางเข้า ตลอดสองข้างทางจะเห็นว่า มีร้านขายของจิปาถะทั่วไป อาทิ เครื่องจักรสาน ต้นไม้ ขนม ผักสด และผลไม้ ที่น่าสนใจคือ ผักสดจะแพ็คขายเป็นถุงๆ อย่างเรียบร้อย
เดินลึกเข้าไปภายในตลาดน้ำ ผู้คนเริ่มคึกคัก เดินเบียดเสียดกัน เพราะแถบนี้ขายขนม เช่น สาลี่ โมจิ ปุยฝ้าย ขนมตาลป้าไข่ ตะโก้ ขนมเบื้อง ลูกชุบ ทองม้วน ข้าวเหนียวแก้ว ขนมเปี๊ยะ บะจ่าง ช่อม่วง หรุ่มล่าเตียง ปั้นขลิบ และอื่นๆ ล้วนหน้าตาน่ารับประทานทั้งสิ้น ใกล้กันเป็นร้านอาหารคาว ที่ขึ้นชื่อเลยคือร้านเป็ดพะโล้นายหนับ ต้มเค็มปลาทู ห่อหมกปลาช่อน ทอดมันปลากราย และขนมจีนน้ำยากะทิ
ลองชิมเป็ดพะโล้นายหนับ ถึงรู้ว่าแรกยังไม่ทานกลิ่นหอมเย้ายวน พอได้ทานรสชาติกลมกล่อมอร่อยที่สุด เพราะเป็ดพะโล้นายหนับ เปิดเป็นเจ้าแรกที่ตลาดน้ำดอนหวายแห่งนี้ นานถึง 30 กว่าปี ไม่ทันอิ่มท้อง มาต่อด้วยขนมจีนน้ำยาร้านข้างๆ ซึ่งไม่ธรรมดา ทั้งเส้นขนมจีนและผักสดที่นำมากินแกล้ม ขนมจีนสะอาดหมดจด รสชาติไม่ต้องพูดถึง
ระหว่างเพลินลิ้นกับขนมจีนอยู่นั้น มองดูนาฬิกาถึงกับตาเหลือก ต้องรีบจ้ำเท้าไปยังท่าเรือ เตรียมลงเรือล่องแม่น้ำท่าจีน ไม่ลืมซื้อขนมติดไม้ติดมือไปด้วย พนักงานเดินมาเช็คตั๋ว ก่อนปล่อยเรือออกท่า ไหลเลียบแม่น้ำท่าจีนอย่างสบายอารมณ์ เราทอดสายตามองทิวทัศน์รอบข้าง ชมธรรมชาติสองฟากแม่น้ำ หูฟังไกด์บรรยายวิถีของผู้คนกับสายน้ำ
“บ้านนี้ปลูกส้มโอหวาน บ้านนั้นเป็นโรงสีมีข้าวสารขาว ส่วนบ้านถัดไปตรงโน่นลูกสาวงาม” ไกด์เล่นคำพลางชี้ไปบ้านแต่ละหลัง ก่อนบอกว่าจะพาไปดูบ้านพี่เบิร์ด เราคิดว่าบ้านพี่เบิร์ดธงไชย ที่ไหนได้บ้านพี่เบิร์ดจริงๆ แต่เป็นบ้านที่เค้าแสดงในละครคู่กรรมนั่นเอง เรือยังคงเคลื่อนต่อไป ผ่านโรงเหล้าเก่า บ้านไม้โบราณหลายหลัง วัดท่าพูด จวบจนมาสิ้นสุดที่วัดไร่ขิง ซึ่งมีวังปลาขนาดใหญ่ ทั้งปลาสวายและปลาเทโพกว่าแสนตัว พากันว่ายน้ำแย่งชิงขนมปังกันจ้าละหวั่น จากนั้นเรือเลี้ยวกลับเส้นทางเดิม คราวนี้เมฆหมอกหนาครึ้ม ฝนค่อยๆ โปรย พัดพาเอาความหนาวเย็นชื้นสัมผัสกาย ไม่นานฝนหยุด เรือก็ถึงท่าตลาดน้ำดอนหวายพอดี
ไหนๆ มาแถวนี้ทั้งที ไม่ลืมแวะวัดไร่ขิง กราบสักการะขอพรหลวงพ่อวัดไร่ขิง ก่อนนั่งแท็กซี่ไปพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ซึ่งอยู่บนถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า – นครชัยศรี) อำเภอนครชัยศรี ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีถึง ภายนอกพิพิธภัณฑ์กว้างขวาง และร่มรื่น เมื่อซื้อตั๋วและเดินเข้าภายใน รู้สึกได้ถึงความลึกลับและน่าขนลุก ไม่ใช่น่ากลัว แต่น่าตกใจ เพราะหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสแต่ละรูปเหมือนคนจริงๆ ทั้งหน้าตา รูปร่าง เส้นผม สายตา และท่าทาง ล้วนสื่ออารมณ์และความรู้สึกของคนนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
เครดิต:http://www.moopeak.com/voyager/to-travel.php?article_id=99
วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ฮิบาริ เคียวยะ สุดที่รักของเค้า ^___^

ฮิบาริ เคียวยะ เป็นหัวหน้ากรรมการคุมกฏระเบียบประจำโรงเรียนนามิโมริ รักโรงเรียนมากถึงขนาดใช้เพลงริงโทนมือถือเป็นเพลงโรงเรียน และเขาก็ยังสนใจในตัวรีบอร์นอีกด้วย ถึงแม้จะเป็นวันหยุดแต่เขาก็ยังใส่ชุดนักเรียนไปไหนมาไหน ฮิบาริยอมไม่ได้ที่จะมีคนมาดูถูกโรงเรียน หรือเด็กนักเรียนนามิโมริถูกทำร้าย เขาจึงเป็นคนที่ใคร ๆ ก็หวาดกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับความเคารพยำเกรงเช่นเดียวกัน
ราศี : พฤษภ
ส่วนสูง : 169 ซม.
น้ำหนัก : 58 กก.
สัญชาติ : ญี่ปุ่น
อาวุธ : ทอนฟา
คำพูดที่ชอบพูด : จะขย้ำให้เละ, ว้าว!
อาหารที่ชอบ : อาหารญี่ปุ่น, แฮมเบอร์เกอร์
ไฟธาตุ : เมฆา
แหวนประจำตัว : วองโกเล่ริงแห่งเมฆา
ฮิบาริเป็นคนที่ชอบสันโดษ ไม่ชอบสุงสิงกับใคร หน้าตาดีแต่เพราะชอบทำหน้าเคร่งขรึมเสมอเลยไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้ เขาใช้กระบองเหล็กทอนฟาเป็นอาวุธเสมอ ฮิบาริเกลียดการสุมหัว แม้แต่ในภาคอนาคต เขาก็ไม่พักในฐานทัพของวองโกเล่ แต่ไปสร้างฐานทัพอีกแห่งหนึ่งใกล้ๆกันแทน คาดว่าในห้องส่วนตัวเกือบทุกห้องของฮิบาริจะตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น และทุกคนที่เข้าไปจะต้องสวมชุดยูกาตะไม่เว้นแม้แต่เบียงกี้และรีบอร์น ฮิบาริมีฝีมือที่ร้ายกาจ แถมยังเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในวองโกเล่อีกด้วย โดยศึกโกคุโยพ่ายแพ้ต่อมุคุโร เพราะมุคุโร่ใช้ประโยชน์จากไข้ซากุระของฮิบาริ และเป็นเหตุให้ฮิบาริแค้นเคืองมุคุโรตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อเจอมุคุโรที่ไหนย่อมเกิดศึกขึ้นทุกครา ยกเว้นเพียงตอนเดียว(ปรากฏเฉพาะในอะนิเมะ)ที่สึนะ(โหมดไฮเปอร์)เข้ามาหยุดการวิวาทของทั้งสองคนไว้ได้ ในภาคอนาคต ฮิบาริมีกล่องเม่นเมฆาที่มีคุณสมบัติเพิ่มพูน และมีกล่องวองโกเล่เมฆาอีกหนึ่งกล่อง และก่อนที่จะกลับไปเป็นเด็ก ฮิบาริจะเป็นคนที่มีสไตล์การต่อสู้ที่แตกต่าง เพราะเขาเป็นคนที่มีแหวนแบบใช้แล้วทิ้ง(จุดไฟเสร็จแหวนจะแตก)แต่อุปนิสัยจะไม่ค่อยแตกต่างจากตอนเด็กเท่าไหร่นัก แต่จะสุขุมขึ้นและมีฝีมือสูงขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย พอเขากลับเป็นเด็กเพราะโดนบาซุก้าทศวรรษยิงใส่ ฮิบาริก็ได้กล่องวองโกเล่เมฆา จากนั้นก็แยกตัวไปที่โรงเรียน ไม่มาพูดคุยอะไรกับพวกสึนะอีก แต่ก็มาเจอดีโน่ในอนาคตที่ปรากฏตัวขึ้นเพื่อมาฝึกสอนผู้พิทักษ์ของวองโกเล่ และไปร่วมแข่งขันChoiceพร้อมกับพวกสึนะในอีก10วันต่อมา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ความรัก... ก้าวเดิน

“ความรัก” ของคนเรา ก็มีเท้าเดินเหมือนกัน
เมื่อแรกเริ่ม . . . ความรักก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เพราะ . . . อยากจะถึงจุดหมายที่หวังไว้
คือ . . . ใครคนหนึ่งที่เรารู้สึกดีๆด้วย
เมื่อสมหวังแล้วความรักก็เดินไปเรื่อยๆ
. . . ไม่ต้องก้าวยาวและเร็ว
. . . เดินไปตามปกติและก้าวต่อไปเรื่อยๆ
. . . ในช่วงนี้ถ้าเดินเร็วไปอาจจะเจอหลุมและสะดุดได้
ก็คงจะต้องเดิน . . . อย่างระมัดระวัง
. . . และก้าวให้ได้จังหวะ . . . ที่เหมาะสม
แต่เมื่อถึงเวลา . . . ที่ความรักผิดหวังหรือจบลง
ความรัก . . . ก็จะเดินช้าลง
บางทีอาจจะช้า . . . ช้าจนเหมือนเราเดินถอยหลัง
เหมือนกับ . . . คนที่หกล้มแล้วขาเจ็บ
จะเดินไม่ถนัดนัก . . . ต้องรอเวลาเพื่อรักษาให้แผลที่เกิดจากการหกล้มหาย
แล้วค่อยก้าวเดินต่อไป . . . อย่างปกติ
ความรักก็มี step ในการก้าวเดินไปอย่างนี้เรื่อยๆ
ช้าบ้าง . . . เร็วบ้าง จนกว่าจะถึงวันหนึ่งที่เราได้เจอคนที่ใช่จริงๆ
วันนั้น . . . ความรักคงเดินต่อไปได้เรื่อยๆ
ถึงจะหกล้มบ้าง ตกหลุมบ้าง
แต่ . . . ก็ยังมีคนที่คอยประคอง คอยเดินไปด้วยกัน
ไม่ใช่หกล้มแล้ว . . . ต้องลุกเดินต่อด้วยตัวเองอีกต่อไป
เมื่อความรัก . . . ก้าวเดิน
เราจึงต้องก้าวตาม . . . อย่างระมัดระวัง
จะหกล้มบ้าง จะสะดุดบ้างก็ต้องพยายามลุกขึ้น
. . . และกลับมาเดินต่อไป ให้ได้ . . .
เครดิต:http://www.postsmiles.com